สปอยล์ Youth of May ตอนที่ 19-20

19-20

ซูรยอนและกลุ่มนักศึกษาที่เหลืออยู่ยังคงยืนหยัดการประท้วงต่อไป แม้ว่าเธอจะถูกเพื่อนเหน็บแนมเรื่องฮวังกีนัมในฐานะพ่อสามีของเธอก็ตาม แต่เธอก็บอกเพียงว่าเธอแวะมาเอาเครื่องปฐมพยาบาลเพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆ เท่านั้น

คิมคยองซูคือเพื่อนของฮีแทเมื่อครั้งที่เรียนด้วยกัน พวกเขาต่างก็รักการดนตรี ในการประท้วงที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน คิมคยองซูซึ่งเป็นนักศึกษาในตอนนั้นเต็มใจที่จะออกมาประท้วง โดยไม่มีรุ่นพี่ชักจูงอย่างที่ฮีแทเข้าใจผิด ตอนนี้เขาเป็นพลทหารที่ต้องทำตามคำสั่งและหน้าที่ ถึงแม้ว่าเขาไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงก็ตาม

ฮีแทและมยองฮียังคงช่วยงานในโรงพยาบาลต่อไป และตั้งใจจะไปจากที่นี่ทันทีเมื่อพ่อของจินอามาถึง ซองแฮรยองอยากให้จองแทกลับไปค้างที่บ้านบ้างโดยบอกลูกชายว่าพ่ออาจจะเป็นห่วง แต่เขาปฏิเสธแม่และตัดพ้อว่าพ่อไม่เคยถามถึงเขาเลย เขาจึงขออยู่ที่แค้มป์ต่อไป

ฮวังกีนัมถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิว่าไม่ลงมือทำงานด้วยตัวเอง และรายงานที่นำมาเสนอก็ได้มาจากผู้ที่เข้าร่วมประชุมเขียนมาให้ อีชังกึนได้ยินเสียงดังจากข้างนอกและเป็นห่วงซูชานที่ไม่สามารถโทรติดต่อได้ น้องสาวของเขาพยายามปิดบังว่าซูชานถูกทหารจับตัวไป เพราะเป็นห่วงพี่ชายที่เป็นโรคหัวใจ

มยองซูและจองแทแอบหนีโค้ชออกไปข้างนอก เพราะต้องการซื้อหนังสือการ์ตูนให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ซองอิลเพื่อนร่วมทีมวิ่ง พวกเขาเผชิญเหตุการณ์ที่นักศึกษาและพลเรือนกำลังประท้วงและฝ่ายทหารเริ่มยิงกระสุนใส่ผู้ชุมนุม ขณะที่พ่อของจินอาวิ่งหลบกระสุนเพื่อไปหาเธอที่โรงพยาบาล และบอกมยองฮีว่าเขาเห็นเด็กผู้ชายคล้ายกับมยองซูอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย มยองฮีเป็นห่วงน้องชาย จึงขอนั่งรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลออกไปรับคนเจ็บโดยมีฮีแทไปด้วย แม้เขาจะไม่เห็นด้วยเพราะสถานการณ์ด้านนอกเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ตามท้องถนนเต็มไปด้วยทหารที่ยังคงยิงใส่ประชาชน ฮีแทและมยองฮีรวมทั้งหมอคนอื่นๆต้องพาคนเจ็บหลบกระสุนเพื่อนำขึ้นรถฉุกเฉิน ขณะนั้นเองมยองฮีเหลือบไปเห็นรองเท้าของมยองซูที่หล่นอยู่ข้างหนึ่งพร้อมกับเสียงเด็กร้องไห้ เธอจึงวิ่งตามหาโดยไม่เกรงกลัวกระสุน แต่เด็กที่เธอพบนั้นไม่ใช่มยองซู ฮีแทวิ่งตามมาและได้เผชิญหน้ากับคิมคยองซูที่กำลังเล็งปืนไปที่เธอ เขาบอกคยองซูว่าตอนนี้จางซอกชอลย้ายมารักษาตัวที่ควังจูแล้ว คิมคยองซูจึงไม่อาจยิงมยองฮีได้ จากนั้นฮีแทก็รีบพาผู้บาดเจ็บและมยองฮีขึ้นรถฉุกเฉินเพื่อกลับโรงพยาบาล

จองแทและมยองซูหนีเอาตัวรอดกลับแค้มป์มาได้ มยองซูบอกโค้ชว่าทหารกำลังบุกประเทศ จองแทรู้อยู่แก่ใจดีว่าเป็นฝีมือของพ่อเขาเองที่สั่งให้ทหารฆ่าประชาชน ขณะที่มยองฮีกำลังหมดอาลัยตายอยากเรื่องน้องชายอยู่นั้น เธอก็ได้รับข่าวดีจากแค้มป์ว่ามยองซูกลับถึงแค้มป์โดยปลอดภัยแล้ว

คิมฮยอนชอลเป็นห่วงมยองฮีและมยองซู จึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปหาลูก แม้ไม่มีรถโดยสารและต้องเดินไปก็ตาม เมื่อไปถึงด่านและแสดงตัวว่าเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาคนหนึ่งที่เป็นห่วงลูก ฮยอนชอลจึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเมือง ขณะเดียวกันที่กลุ่มนักศึกษาปล้นอาวุธจากคลังสำรองและแจกให้ผู้ชุมนุมเพื่อต่อสู้กับฝ่ายทหาร

ผู้บังคับบัญชามีท่าทีไม่ไว้ใจฮวังกีนัมและพูดถึงฮีแทที่มีประวัติเคยถูกจับเพราะช่วยเหลือพวกประท้วง แต่ฮวังกีนัมอ้างว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะเขาเป็นนักศึกษาแพทย์จึงได้รับการปล่อยตัว และขณะนี้ฮีแทก็อยู่กับคู่หมั้นที่กรุงโซล แต่ท่านผู้นำฯมีท่าทางไม่เชื่อ และพูดเป็นนัยว่าหากฮีแทถูกจับอีกครั้งในวิกฤติอย่างนี้ มันก็จะดูน่าสงสัย จากนั้นฮวังกีนัมก็รีบโทรหาฮีแท แต่ว่าไม่มีคนรับสาย ทำให้เขาโมโหขึ้นมาทันที

มยองฮีรู้สึกผิดที่แอบดีใจเมื่อเห็นว่าเด็กที่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่มยองซูน้องชายของเธอ ซึ่งที่จริงเธอไม่ควรรู้สึกแบบนั้น ฮีแทบอกว่าต่อไปหากมีเรื่องอันตรายขอให้บอกเขาทุกครั้ง และเขาจะยอมเสี่ยงชีวิตไปเอง เพราะหากเขาต้องเสียเธอไป ชีวิตของเขาก็จะไม่เหลืออะไรเลย ในขณะที่มยองฮียังมีพ่อแม่และน้องชาย

ซูชานได้รับการปล่อยตัวในสภาพสะบักสะบอมตามคำสั่งของฮวังกีนัม เขาจึงขอร้องให้ปล่อยคนอื่นๆด้วยโดยเฉพาะผู้บาดเจ็บและเด็ก ทำให้กีนัมไม่พอใจจนเกือบจะฆ่าซูชาน แต่กีนัมก็ยับยั้งชั่งใจไว้และขอให้ซูชานกลับไปอยู่บ้านอย่างงียบๆ ก่อนที่จะถูกจับเข้าคุกทั้งครอบครัว

คิมคยองซูถูกหัวหน้าตำหนิที่ไม่ยิงมยองฮี เขาจึงบอกว่าจะไม่ยิงคนที่ไม่ใช่กบฏและเธอเป็นเพียงพยาบาลคนหนึ่งเท่านั้น

ขณะที่ฮีแทและมยองฮีเตรียมตัวจะออกเดินทางไปจากควังจู หมอยูอาสาจะขับรถไปส่งกลางทาง เพราะต้องการเข้าเมืองไปเอาเลือดที่ประชาชนบริจาคกลับมาเพิ่มที่โรงพยาบาล พ่อของมยองฮีมาถึงพอดีและขอให้เธอกลับนาจูพร้อมกับมยองซู แต่มยองฮีบอกพ่อให้พามยองซูกลับไปคนเดียว เพราะเธอดูแลตัวเองได้ ฮีแทเห็นสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างพ่อลูก จึงเปิดโอกาสให้พวกเขาได้คุยกัน โดยบอกว่าจะไปเอาเลือดพร้อมกับหมอยู แต่รถที่ฮีแทนั่งไปกับหมอยูถูกรถของทหารเข้ามาตัดหน้าขวางเอาไว้ และมีอีกคันกำลังพุ่งเข้ามาที่รถของทั้งคู่..