สปอยล์ Voice 4 ตอนที่ 3

3

เดเร็คและทีมโกลเด้นไทม์พบกล้องและลำโพงซ่อนอยู่บนต้นไม้บริเวณศาลเจ้า ซึ่งเป็นของคัมแท็งที่ชอบเล่าเรื่องสยองขวัญบนเกาะบีโมลงในยูทีวีและเคยพูดถึงสุนัขปรโลก เขายังให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่อยากพบคนที่ตายไปแล้วอีกด้วย พัคอึนซูจึงประเมินว่าจางเยซุกอาจจะดูรายการของคัมแท็งและพยายามจะติดต่อเขาเพราะต้องการพบลูกชายของเธอที่ตายไปแล้ว คัมแท็งหรือชื่อจริงว่าพัคจงบอมมีประวัติอาชญากรรมยาวเหยียดและได้รับเงินโอนจากจางเยซุก จากนั้นทีมปฏิบัติการจึงออกตามหาคัมแท็งที่แค้มป์ในป่าจนกระทั่งพบตัว แต่เขาให้การว่าไม่รู้เรื่องที่จางเยซุกหายตัวไป เพียงแต่ต้องการช่วยให้เธอสบายใจเท่านั้น เดเร็คต้องการเก็บหลักฐานของคัมแท็ง แต่ทั้งภาพและเสียงในคลิปเสียหายหมด เขาจึงให้กวอนจูพยายามฟังซึ่งเธอได้ยินเสียงสุนัขกำลังโดนครอบปาก ซึ่งหมายความว่ามีใครบางคนอยู่ที่นั่นขณะที่จางเยซุกกำลังโดนหมารุมกัด เมื่อเดเร็คประเมินว่าชายคนนั้นพยายามทำตัวเป็นจ่าฝูง คัมแท็งจึงบอกว่าเขาเคยเห็นชายคนนั้นบริเวณดงชิมซุมกลซึ่งเขาสามารถผิวปากควบคุมสุนัขได้ เดเร็คเชื่อว่าชายคนนั้นใช้ชีวิตอยู่ในป่ามานานและเข้ากับสัตว์ได้ดี จึงมีโอกาสเป็นผู้ต้องสงสัยสูงมาก

จางเยซุกถูกขังอยู่ในกรงสุนัขและใช้โทรศัพท์ของลูกชายโทรหาคอลเซ็นเตอร์ในขณะที่ชายมนุษย์หมาป่าไม่อยู่ เธอบอกว่าที่นั่นคล้ายกับที่เก็บของและมีตู้แช่แข็ง สุนัขพันธุ์ดุหลายตัวที่รุมกัดเธอถูกขังอยู่ในกรงเช่นเดียวกัน ระหว่างที่กวอนจูคุยกับจางเยซุกอยู่นั้น เธอได้แจ้งข้อมูลให้ทีมปฏิบัติการได้รับรู้ด้วย เมื่อเดเร็ครู้ว่าสุนัขเหล่านั้นเป็นพันธุ์ที่มีจมูกยาวและแหลม จึงประเมินว่าคนร้ายน่าจะเคยทำงานที่ฟาร์มม้า กวอนจูจึงมีคำสั่งให้ทีมของเธอหาข้อมูลทันที เมื่อคนร้ายกลับมา กวอนจูจึงบอกจางเยซุกอย่าทำอะไรที่เป็นการยั่วยุคนร้ายและอย่าเพิ่งวางสายของเธอ กวอนจูได้ยินเยซุกใช้คำพูดที่สุภาพนุ่มนวลเพื่ออ้อนวอนคนร้ายให้ปล่อยเธอไป แต่คนร้ายบอกว่าถ้าเขาทำตามคำสั่งของใครบางคน เขาก็จะได้พบกับเจ้าสาว

กวอนจูจึงคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดแน่นอน เมื่อคนร้ายออกไปรับโทรศัพท์ที่ด้านนอก จางเยซุกบอกกวอนจูว่าเธอเห็นรอยเลือดบนรองเท้าผ้าใบเรืองแสง เดเร็คได้รับข้อมูลจากกวอนจูและจำได้ว่าที่แค้มป์ของคัมแท็ง เขาเห็นรูปหญิงสาวคนหนึ่งที่ใส่รองเท้าผ้าใบเรืองแสง ซึ่งต่อมาคัมแท็งบอกว่าเธอคือพัคอีซึล เด็กมัธยมที่หนีออกจากบ้าน ต่อมาเธอเสียชีวิตเพราะบังเอิญไปรู้ความลับระหว่างคนร้ายและผู้สมรู้ร่วมคิด

จางเยซุกพยายามใช้ไม้เหนี่ยวพวงกุญแจที่แขวนอยู่และหนีออกจากกรงได้สำเร็จในขณะที่คนร้ายกำลังถลกหนังกวางชะมดอยู่ในห้องเย็น ทันใดนั้นเองเขาเดินออกไปรับโทรศัพท์ที่ด้านนอก กวอนจูจึงบอกให้จางเยซุกรีบหนีเข้าป่าทันที เธอได้ปล่อยสุนัขที่น่าสงสารตัวหนึ่งออกจากกรงก่อนที่เธอจะหนีออกไป เมื่อคนร้ายรู้ว่าเธอหนีออกไป เขาจึงผิวปากให้สุนัขออกตามล่าเธอ กวอนจูได้ยินเสียงคนร้ายที่กำลังไล่ล่าจางเยซุก เธอจึงขอให้ทีมปฏิบัติการเร่งมือไปช่วยเยซุก ขณะเดียวกันเธอก็สงสัยว่าคนร้ายหาตัวเยซุกเจอทันทีที่รับโทรศัพท์ จางเยซุกถูกทำร้ายและขาดการติดต่อกับกวอนจู

คนร้ายคือกูอับจินอายุ 43 ปี เคยทำงานในฟาร์มม้าและถูกไล่ออกเพราะมัวแต่ทำตัวเลียนแบบสุนัข ในวัยเด็กนั้นเขาโตมากับพ่อเลี้ยงที่ทำฟาร์มสุนัข เขาถูกทารุณกรรมอย่างรุนแรงและถูกเลี้ยงในกรงสุนัขมาตั้งแต่เด็ก จึงเป็นเหตุให้เขาหลงผิดคิดว่าตัวเองเป็นสัตว์

ก่อนขาดการติดต่อกับจางเยซุก กวอนจูได้ยินเสียงน้ำตกเล็กๆบริเวณนั้น เธอจึงบอกทีมปฏิบัติการให้รีบค้นหา หัวหน้ากองนันทนาการภูเขาอ้างว่าชำนาญทางแต่กลับพาพวกเขาไปอีกด้านหนึ่ง พวกเขาต้องหยุดการเดินทางค้นหาเมื่อได้รับแจ้งว่าพบตู้คอนเทนเนอร์ของกูอับจินแล้ว เดเร็คและทีมของเขาไม่พบใครที่นั่นนอกจากหนังสัตว์จำนวนมากรวมทั้งกวางชะมดด้วย

กวอนจูแจ้งทีมปฏิบัติการเพราะเธอสงสัยว่าโกด็อกฮวานซึ่งเป็นหัวหน้ากองนันทนาการภูเขาคือผู้สมรู้ร่วมคิดของกูอับจิน เขาคือข้าราชการทุจริตที่มีใบอนุญาตพกปืนเพื่อปกป้องสัตว์ป่า แต่เขาซื้อปืนไรเฟิลเพิ่มอีกหนึ่งกระบอกและหลอกใช้กูอับจินเพื่อลักลอบค้าหนังสัตว์ในป่าโมชิมซึ่งมีมูลค่าสูง แต่จางเยซุกบังเอิญตกเป็นเหยื่อเพราะพวกเขาคิดว่าเธอรู้ความลับเช่นเดียวกับพัคอีซึล

ระหว่างทางที่กูอับจินลักพาตัวจางเยซุกเพื่อไปยังโกดังเก็บปุ๋ยแห่งหนึ่ง เธออ้อนวอนเขาและบอกว่าจะยอมเป็นภรรยาที่ดี จากนั้นเธอก็ฉวยโอกาสทำร้ายเขาและหนีไปจนตกโขดหินและได้รับบาดเจ็บสาหัส กูอับจินหาเธอไม่พบจึงกลับไปยังโกดังเก็บปุ๋ยและได้เผชิญหน้ากับเดเร็คและทีมปฏิบัติการจนกระทั่งถูกจับกุมได้ในที่สุด

ทีมปฏิบัติการออกค้นหาจางเยซุกและพบเธอในซอกหินที่น้ำตก เพราะสุนัขตัวเล็กที่เธอช่วยไว้ ได้เห่าเรียกเพื่อส่งสัญญาณความช่วยเหลือ เดเร็คสอบถามเยซุกเรื่องเซอร์คัสแมนที่อยู่ในเที่ยวบินเดียวกับเธอ แต่เยซุกบอกว่าตอนนั้นเธอกินยาต้านซึมเศร้าและหลับบนเครื่อง จึงไม่เห็นใคร

แชดลีรายงานว่ากงซูจีหนึ่งในผู้โดยสาร เข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันหลังจากลงจากเครื่อง โดยมีนิคเฝ้าสังเกตุการณ์อยู่หน้าห้อง เดเร็คและกวอนจูกำลังมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลเมื่อรู้ว่าเธอหายตัวไปขณะที่นิคไปเข้าห้องน้ำ ในกลางดึกคืนนั้นเซอร์คัสแมนและชายร่างแคระพร้อมกับขวานในมือก็ไปที่โรงพยาบาลแห่งนั้นเช่นกัน ขณะที่กงซูจียืนอยู่ที่หน้าลิฟท์