สปอยล์ Voice 4 ตอนที่ 2
หัวหน้าพัคฮยอนบอกกวอนจูว่าในอีเมลนั้นมีอะไรแปลกๆ และคนร้ายน่าจะมีมากกว่าหนึ่งคน ต่อมาเจ้าหน้าที่พัคอึนซูได้ข้อมูลว่าไอพีที่ใช้ส่งอีเมลไม่ได้มาจากประเทศจีนแต่เป็นเกาะบีโมในเกาหลี
เมื่อได้รับแจ้งว่ามีผู้หญิงใส่เสื้อคลุมฝนสีดำที่คล้ายกับฆาตกรกำลังนั่งแท็กซี่มุ่งหน้าไปที่สนามบินคิมโพ หัวหน้าพัคฮยอนจึงรีบตามไปทันที เมื่อเช็คเวลาและเที่ยวบินแล้ว กวอนจูจึงแจ้งพัคฮยอนว่าคนร้ายกำลังจะหนีไปที่เกาะบีโมซึ่งเป็นที่มาของอีเมลที่เธอได้รับ แต่พัคฮยอนไม่เจอคนร้ายที่สนามบินและรีบกลับไปที่เกิดเหตุย่านซังแก เมื่อลูกน้องของเขารายงานว่าฆาตกรคือเจ้าหนี้ที่มาทวงเงินเหยื่อ เจ้าหน้าที่แชดลีจึงอาสาเฝ้าดูตุการณ์ที่สนามบินและพบเสื้อคลุมฝนของคนร้ายในถังขยะ
กวอนจูสันนิษฐานว่าคนร้ายตั้งใจฆ่ายกครัวอยู่แล้ว แต่ลิซ่าตกเป็นเหยื่อโดยบังเอิญที่ไปเห็นเหตุการณ์พอดี เธอจึงตัดสินใจสละวันพักร้อนเพื่อไปหาเบาะแสคนร้ายที่เกาะบีโม
แชดลีนำเสื้อคลุมฝนของคนร้ายมาให้เดเร็ค ซึ่งมีรอยเปื้อนกรดไฮโดรคลอริกที่คนร้ายใช้วางกับดักเพื่อฆ่าเดเร็ค พัคฮยอนนำรูปชายคนร้ายจากกล้องวงจรปิดมาให้เดเร็คดู แต่เขายืนยันว่าไม่ใช่เพราะคนร้ายเป็นผู้หญิงใส่เสื้อกันฝนตามที่ลิซ่าส่งข้อความมาบอกและเขาก็ได้เห็นหน้าคนร้ายกับตาตัวเอง จากนั้นเดเร็คจึงสั่งให้แชดลีและนิคตรวจสอบข้อมูลผู้โดยสารหญิงทั้งหมดที่อยู่ใกล้กับถังขยะที่พบเสื้อกันฝน ขณะที่รอรายละเอียดจากภาพในกล้องวงจรปิด เดเร็คและทีมของเขาก็เดินทางไปที่เกาะบีโมเพื่อตามหาคนร้าย
กวอนจูเดินทางไปถึงสถานีตำรวจบีโมและเข้ารายงานตัวในตำแหน่ง ผอ.ศูนย์ โดยเธอจะเริ่มทำงานในวันพรุ่งนี้ ต่อมาเธอได้ยินว่าเดเร็คมาที่บีโมเช่นกันและกำลังคุยกับผู้กำกับคัมจงซุก เพื่อขอสิทธิ์ในการเรียกตัวผู้ต้องสงสัยและการเข้าถึงข้อมูล
กวอนจูและเดเร็คได้เผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรกที่สถานีบีโม เธอแสดงความเสียใจเรื่องลิซ่าและบอกว่าคนร้ายได้ยินเสียงขณะที่เธอคุยโทรศัพท์กับเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยาก แต่เดเร็คไม่ต้องการพูดถึงเหตุการณ์นี้อีกและไม่ต้องการให้กวอนจูเข้ามายุ่ง ทันใดนั้นเองเขาก็ได้รูปของผู้ต้องสงสัยซึ่งเหมือนกับกวอนจู เดเร็คจึงเล็งปืนไปที่เธอทันที แม้กวอนจูจะบอกว่าไม่ใช่เธอและในวันเกิดเหตุ เธออยู่ที่สถานีและได้คุยโทรศัพท์กับเขา ซึ่งสามารถยืนยันได้แต่เดเร็คไม่เชื่อ ขณะนั้นเองเขาก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่ามีรอยร้าวเล็กน้อยบนภาพใบหน้าของคนร้าย ซึ่งน่าจะเป็นหน้ากากซิลิโคนที่คนร้ายใช้ปลอมตัว จากนั้นเขาและลูกน้องจึงลดอาวุธลง
กวอนจูอธิบายให้เดเร็คฟังว่าคนร้ายมีพลังพิเศษซึ่งสามารถได้ยินเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยินเช่นเดียวกับเธอ จึงเรียกตัวเองว่าแฝดสยามและส่งเมลมาข่มขู่เธอ และสิ่งที่เธอคุยโทรศัพท์กับเขาในที่เกิดเหตุ คนร้ายก็ได้ยินเช่นกัน จึงใช้เสียงนาฬิกาปลุกในตุ๊กตาของลิซ่าเพื่อล่อเขา นอกจากนั้นคนร้ายได้ใช้แก๊สปิโตรเลียมเพื่อให้รถยนต์ระเบิด ก็เพื่อถ่วงเวลาการทำงานของตำรวจ เดเร็คทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังไม่แน่ใจว่าจะเชื่อกวอนจูดีหรือไม่ จนกระทั่งเธอบอกว่าได้ยินเสียงไอและเสียงหอบจากคนที่โทรมารายงานเขาเรื่องใบหน้าซิลิโคน ดิเร็คจึงยอมเชื่อและขอให้เธอร่วมทำงานกับเขา เพราะเขาเชื่อว่าคนร้ายหมกมุ่นกับเธอ เขาจึงอยากเกาะติดเพื่อเข้าถึงคนร้ายให้ได้ แชดลีเตือนเดเร็คให้ระวังตัว เพราะมีข่าวลือว่ากวอนจูคือพาร์ทเนอร์คิลเลอร์ แม้ว่าเธอเคยมีผลงานจับฆาตกรต่อเนื่องได้ถึงสามคนก็ตาม
เดเร็คหรือโจซึงโฮ ถูกครอบครัวตำรวจอเมริกันรับไปอุปการะพร้อมกับน้องสาวตั้งแต่อายุ 12 ปี เขามีทักษะด้านการแพทย์และการต่อสู้ บ้านเกิดของเขาคือเกาะบีโม ควอนจูรู้สึกว่าเขามีอะไรบางอย่างที่ปิดบังอยู่
อีฮาอึนและจางเยซุกตั้งแค้มป์อยู่ในป่าโมชิมบนเกาะบีโม ในคืนฝนตกหนักเมื่อฮาอึนตื่นขึ้นมาและไม่พบจางเยซุก เธอจึงออกตามหาและพบรอยเลือดบนเสื้อคลุมของเยซุกที่หล่นอยู่บริเวณนั้น ฮาอึนจึงรีบโทรแจ้งตำรวจ จากนั้นควอนจูและทีมโกลเด้นไทม์จึงออกปฏิบัติงานทันที จากประวัติข้อมูลของเหยื่อ พัคอึนซูพบว่าจางเยซุกคือผู้โดยสารเที่ยวบินเดียวกับเซอร์คัสแมนที่บินมาที่เกาะบีโม เมื่อได้รับแจ้งจากควอนจู เดเร็คจึงไปสมทบกับหัวหน้าพัคเพื่อเข้าไปช่วยเหยื่อในป่าโมชิม รอยเท้าที่พบเป็นของกลุ่มสุนัขจรจัดที่ถูกทิ้ง ในโกดังร้างเก็บปุ๋ย เดเร็คพบเสื้อผ้าเก่าที่มีร่องรอยกัดของสุนัข เขาเชื่อว่าสุนัขไม่ได้ลากเหยื่อแต่เป็นฝีมือมนุษย์ ซึ่งเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งที่คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์หมาป่า จางเยซุกวิ่งหนีกลุ่มสุนัขไปหลบอยู่ในหลุมและโทรแจ้งตำรวจ
กวอนจูพบว่าเบอร์ที่เยซุกโทรเข้ามานั้นเป็นเบอร์ของลูกชายที่ตายไปแล้วของเธอ เยซุกมองเห็นแสงสว่างจึงเดินไปขอความช่วยเหลือที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง ชายคนดังกล่าวจึงให้เธอเข้าไปหลบในบ้าน เยซุกเพิ่งรู้ว่าตนเองถูกขังอยู่ในนั้น จึงรู้สึกหวาดกลัวและมองผ่านหน้าต่างเห็นชายคนดังกล่าวกำลังเลี้ยงฝูงสุนัขเหล่านั้น เมื่อชายคนดังกล่าวเดินกลับเข้ามา เธอพยายามร้องขอชีวิตเพราะเข้าป่ามาเพื่อตามหาลูกชาย ขณะที่เขาพุ่งกระโจนใส่เธอ