สปอยล์ Voice 4 ตอนที่ 14

14

ก่อนที่แดชิกและแชดลีจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แดชิกบอกกับเดเร็คว่าแม่ของเขาถูกพ่อเฒ่าฆ่าตายเพราะแอบไปรู้ความลับที่เขาฆ่าชิมยองซอบ ทำให้เดเร็ครู้ว่าแม่ของเขาพยายามปกป้องเขาและน้องสาวในคืนนั้น ดงบังมินหนีไปได้และนั่งรถแท็กซี่มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านโซนัง

ชาวหมู่บ้านโซนังออกมารวมตัวกันเพื่อปกป้องพ่อเฒ่าที่กำลังสวดภาวนาให้พวกเขา ในขณะที่หัวหน้าพัคและสายสืบกวางซูนำหมายเพื่อไปจับพ่อเฒ่าในข้อหานักต้มตุ๋น ชาวบ้านไม่รู้ว่าคนที่สวดภาวนาอยู่นั้นไม่ใช่พ่อเฒ่าซึ่งกำลังยืนมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ดงบังมินตามพ่อเฒ่าไปที่ห้องลับซึ่งเขากำลังเก็บเงินทั้งหมดในเซฟและปืนเพื่อหลบหนี ดงบังมินทำร้ายพ่อเฒ่าและพาไปยังโรงพยาบาลเอฟซึ่งเป็นโรงพยาบลเด็กร้างในป่าซึ่งไม่ไกลจากที่นั่น

เมื่อชาวบ้านได้รู้ว่าคนที่กำลังสวดภาวนานั้นไม่ใช่พ่อเฒ่าและได้เห็นบัญชีลับที่พวกเขาถูกหลอกมาตลอด จึงคิดจะไปถามความจริงจากพ่อเฒ่าแต่เกิดเหตุไฟไหม้เสียก่อน
เมื่อเดเร็คและกวอนจูไปถึง เธอพยายามฟังเสียงสวดภาวนาที่ออกมาจากห้องนั้นจึงรู้ว่าไม่ใช่พ่อเฒ่าดงบังฮยอนยอบ พวกเขาไปตามหาที่ห้องลับแต่ว่าพ่อเฒ่าไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ขณะที่อยู่ในป่าระหว่างทางไปตึกร้างเพื่อตามหาดงบังมินและพ่อเฒ่า กวอนจูได้ยินเสียงเหยี่ยวและจำเหตุการณ์ได้ว่าเธอและดงบังมินเคยรู้จักกันและหนีผู้หญิงคนหนึ่ง ในตอนนั้นดงบังมินบอกว่าอยากเป็นแฝดสยามกับเธอ กวอนจูพบประวัติการรักษาของตนเองและดงบังมินในโรงพยาบาลร้างแห่งนั้น

หลังจากกวอนจูประสบอุบัติเหตุเมื่อตอนอายุสิบสองปีและต้องรับการผ่าตัดสมอง ผลการผ่าตัดทำให้เธอมองไม่เห็นอยู่ช่วงหนึ่งแต่พอกลับมามองเห็นได้การได้ยินของเธอก็เริ่มดีขึ้น ยาที่เธอได้รับในตอนนั้นรุนแรงจนทำให้เธอสมองเสื่อมและจำอะไรไม่ได้จนกระทั่งกลับมาที่เดิมจึงจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้ซึ่งดร.อีคือแพทย์เจ้าของไข้

พวกเขาพบดงบังมินและพ่อเฒ่าบนชั้นสอง ซึ่งกำลังถูกมัดด้วยไฟประดับ ทีมสมทบตามมาช่วยได้ทันแต่บังมินหลบหนีไปได้ เดเร็คจึงตามไปพบและเกิดการต่อสู้กัน กวอนจูและกวางซูตามไปช่วยและได้เห็นอาการหลายบุคลิกของบังมิน เดเร็คยิงบังมินหลายนัดแต่ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าให้ถึงตาย จากนั้นดงบังมินก็ถูกควบคุมตัวและนำส่งโรงพยาบาล เขาเตือนกวอนจูให้ระวังหูของเธอให้ดีเพาะว่าจะมีคนมาเอาไป

เจ้าหน้าที่อูจูพบว่าเซอร์คัส ปิเอโรต์น่าจะเป็นของฟาเบรซึ่งมีหลายชุมชนออนไลน์ที่ใช้สไตล์นี้ หลังจากที่ขุดลึกลงไปก็พบว่ามันเป็นเบราเซอร์ที่ฟาเบรใช้ และเอฟจากโรงพยาบาลเด็กกับเอฟอาร์จากเครื่งช่วยฟังที่ดงบังมินใช้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน
เดเร็คถูกเรียกตัวกลับอเมริกาเพราะได้รับแจ้งว่าพี่เลี้ยงของเขายินดีที่จะเป็นพยานในศาลสำหรับคดีพ่อบุญธรรมของเขา แต่เขายังไม่ได้ตัดสินใจ

ต่อมากวอนจูได้รับข้อมูลเกี่ยวกับฟาเบรแล็บที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเพิ่มความสามารถในการได้ยินของมนุษย์โดยใช้ประสาทวิทยาเซลส์และเส้นประสาทสมอง และเธอก็คือคนไข้ทดลองเคสที่หนึ่งของพวกเขา ก็อดเดส ลี ผู้หญิงวัย 50 ไม่มีที่อยู่ที่แน่นอนแต่ทำงานให้สถาบันวิจัยที่ศึกษาประสาทการได้ยิน

กวอนจูกลับไปที่โรงพยาบาลร้างอีกครั้งเพื่อหาความจริงและได้พบกับก็อดเดสลีเจ้าของเสียงคนนั้น เธอชวนกวอนจูให้ไปด้วยกันเพื่อจะได้รู้ความจริงทั้งหมด เดเร็ครีบตามไปและพบเพียงจดหมายของกวอนจูพร้อมทั้งโทรศัพท์และตราประจำตัวที่เธอทิ้งไว้ เธอเขียนบอกไว้ว่าต้องการรู้ความลับเบื้องหลังการได้ยินของตัวเอง คนพวกนั้นบอกว่ามีบางอย่างที่เธอต้องได้เห็น เธอจึงตัดสินใจไปกับเขาและจะกลับมาให้ได้และคนที่ขับรถมารับเธอก็คือบังเจซู เดเร็คเห็นภาพวาดรูปใบหูบนผนังและลงชื่อว่าฟาเบรแล็บ เขาจึงรีบวิ่งตามออกไปแต่กวอนจูได้ขึ้นรถของก็อดเดสลีไปแล้ว