สปอยล์ Vincenzo ตอนที่ 14

14

หลังจากที่จางฮันซอกลงจากเวที เขาก็ถูกควคุมตัวไปที่สำนักงานอัยการนัมดงบูข้อหาสั่งการยุบสหภาพแรงงาน ซึ่งวินเชนโซ่และชายองรออยู่ที่นั่นแล้วในฐานะทนายตัวแทนครอบครัวประธานสหภาพ แม้ชเวมยองฮีจะอ้างว่าเพียงแค่คลิปที่เห็นนั้นไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ อัยการจองอินกุกจึงบอกว่าแค่เอกสารที่ทีมวิสัยทัศน์พยายามทำลาย มันก็เพียงพอแล้ว นอกจากนั้นวินเชนโซ่ให้ทุกคนได้ฟังคลิปเสียงของผู้ที่เมาแล้วขับรถชนประธานสหภาพจนเสียชีวิต เขาสารภาพว่าสำนักงานอูซังเป็นผู้จ้างวานโดยเสนอเงินให้จำนวนหนึ่งและรับปากว่าจะติดคุกไม่นาน แต่เขากลัวว่าจะถูกฆ่าปิดปากในคุกเหมือนกับคดีก่อนๆ หลังจากวินเชนโซ่และชายองกลับไปแล้ว จางฮันซอก จางฮันซอ ชเวมยองฮี และฮันซึงฮยอก ยังถูกควบคุมตัวอยู่เพราะโดนเพิ่มอีกหนึ่งข้อหาคือพยายามฆ่า ต่อมาอธิบดีฮวังจินแทที่ถูกบาเบลซื้อตัวไปก่อนหน้านี้ ได้สั่งให้อัยการจองอินกุกปล่อยตัวทั้งสี่คนออกไป แล้วค่อยเริ่มสอบสวนใหม่ตั้งแต่ต้น
วินเชนโซ่รู้ดีว่าเพียงแค่เรื่องสหภาพแรงงาน ไม่อาจเล่นงานจางฮันซอกได้ เขาจึงใช้เรื่องนี้เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น แต่เขาต้องการเปเปอร์คอมปะนีซึ่งเป็นเป้าหมายที่สองของอัยการจองอินกุกและจะทำให้บาเบลยอมรับสหภาพแรงงานอย่างสมบูรณ์

ผู้จัดการนัมจูซองพบเอกสารเปเปอร์คอมปะนีที่เกี่ยวข้องกับ “เจสันฟันด์” ซึ่งเป็นชื่อภาษาอังกฤษของจางฮันซอก ตั้งอยู่ที่มอลตาและมีสำนักงานอยู่ในเกาหลี แต่ทว่าไม่พบข้อมูลที่ตั้งหรือเบอร์โทรศัพท์ นัมจูซองจึงแนะนำให้วินเชนโซ่ไปปรึกษาพัคซอกโด ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการฟอกเงิน การเลี่ยงภาษี

จางฮันซอกไม่ต้องการให้น้องชายเป็นแพะรับบาปในคดีเล็กๆ แต่ต้องเป็นคดีใหญ่เกี่ยวกับการฟอกเงินและครอบครองหุ้นผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษหนักกว่า จากนั้นจางฮันซอจึงขอให้ฮันซึงฮยอกช่วยนัดพบกับวินเชนโซ่

หลังจากปล่อยตัวทั้งสี่คนไปแล้ว อัยการอินจองกุกคิดจะจัดการคนเหล่านั้นด้วยไฟล์กิโยติน ซึ่งรวบรวมข้อมูลการทุจริตทุกอย่างของทุกบุคคลที่เกี่ยวข้องเอาไว้ เขาจึงอยากให้วินเชนโซ่ช่วยหาไฟล์นี้ให้เจอ

โอกยองจามอบผ้าพันคอและจดหมายฉบับหนึ่งให้ชายอง และขอให้เธอเปิดอ่านที่บ้าน ชเวมยองฮีโทรหาเปาโลที่อิตาลีซึ่งเป็นศัตรูของวินเชนโซ่

จางฮันซอขอให้วินเชนโซ่ทำลายพี่ชายของเขาได้ตามชอบใจ ขอเพียงยกเว้นเขาและบาเบลกรุ๊ปเอาไว้ แต่วินเชนโซ่ปฏิเสธเพราะไม่ต้องการเอาความขัดแย้งในครอบครัวระหว่างพี่น้องมาเป็นประโยชน์

จากรายงานที่ชายองเจอหลักฐานการเลี่ยงภาษีและเพิ่มหุ้นบาเบลการก่อสร้างแบบผิดกฎหมาย ทำให้พัคซอกโดนึกถึงนาด๊อกจินที่เคยรับผิดชอบงานเปเปอร์คอมปะนีอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ปัจจุบันเปลี่ยนอาชีพมาเป็นนักร้อง จากนั้นชายองและวินเชนโซ่ไปหานาด๊อกจินที่คลับเพื่อสอบถามเรื่อง “เจสันฟันด์” ด๊อกจินเพียงแค่เคยส่งข้อมูลการพัฒนาให้กับสาขาย่อยของเปเปอร์คอมปะนี ซึ่งอยู่ที่หอศิลป์รากูแซง ด้วยวิธีการฟอกเงินจากผลงานศิลปะ และซื้อหุ้นบาเบลการก่อสร้างด้วยชื่อเปเปอร์คอมปะนี เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งของประธานบาเบลอย่างผิดกฎหมาย และเอกสารทางการเงินทั้งหมดก็อยู่ที่นั่น แต่การจะเข้าไปในห้องทำงานของ ผอ.จองโดฮี จะต้องผ่านการสแกนลายนิ้วมือ นอกจากนั้นยังมีภาพศิลปะราคาแพงชื่อว่า “น็อตธิง” อยู่ในห้องนั้นอีกด้วย

พัคซอกโดเรียกคึมกวางจินให้มาช่วยหาทองคำในตึก แต่เขาเลิกอาชีพนี้มาหลายเดือนแล้ว และตอนนี้ทำงานให้กับศูนย์ดูแลสุนัขจรจัด

ซอมีรีบอกกับทุกคนในสำนักงานฟางข้าวว่า เธอคือโปรแกรมเมอร์ที่ทำระบบรักษาความปลอดภัยของห้องใต้ดิน ทั้งระบบสแกนม่านตาและโปรแกรมระเบิดตัวเอง เธอสามารถเปิดห้องนั้นได้เพียงไม่กี่นาทีดดยไม่ต้องมีการระเบิด ขอเพียงให้นักบวชออกจากวัดนานยักเสียก่อน แต่วินเชนโซ่บอกว่าการขนทองจำนวนมหาศาล ไม่อาจสำเร็จได้ภายในสองวัน

วินเชนโซ่และชายองปลอมเป็นคู่รักแอนเดอร์สันและเบนิง เพื่อเข้าไปอยู่ในห้องพักส่วนตัวที่พวกเขาจองไว้ที่หอศิลป์รากูแซง ด้วยเหตุที่แอนเดอร์สันต้องการขอเบนิงแต่งงานที่นั่นและได้เตรียมแหวนแต่งงานไว้ ผอ.จองโดฮีซึ่งเป็นผู้ออกมาต้อนรับจึงได้จัดเซอไพรส์ไว้ให้พวกเขา วินเชนโซ่จึงต้องไปตามน้ำในฐานะที่ปลอมเป็นแอนเดอร์สัน เขาคุกเข้าขอชายองแต่งงานและต้องจูบกันต่อหน้าสักขีพยานตรงหน้า ในขณะที่แอนเดอร์สันและเบนิงถูกพาไปที่ตึกคึมกา โดยผู้เช่าทุกคนร่วมมือกันจัดฉากทุกอย่าง จากนั้นแอนเดอร์สันก็ขอเบนิงแต่งงานที่วัดนานยัก

ชายองเสแสร้งไม่พอใจที่ไม่ได้ชมภาพ “น็อตธิง” และบอกว่าเธอเปลี่ยนใจที่จะซื้อภาพศิลปะ ผอ.จองโดฮีจึงยอมให้พวกเขาได้เข้าไปดูภาพนั้นในห้องทำงานของเธอ ผู้เช่าตึกคึมกาพลาซ่าอีกสองคนแกล้งโวยวายหน้าหอศิลป์และขอพบ ผอ.ให้ได้ จองโดฮีจึงต้องรีบออกไป และปล่อยให้วินเชนโซ่และชายองอยู่ชมภาพ “น็อตธิง” ไปพลางๆก่อน ทั้งคู่จึงรีบทำการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับซอมีรี ซึ่งรอทำการแฮกข้อมูลบัญชีอยู่บริเวณใกล้ๆ

จองโดฮีไหวตัวทันและรีบกลับมาที่ห้องทำงานของเธอ แต่ทว่าซอมีรีได้คัดลอกข้อมูลทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว วินเชนโซ่บอกโดฮีว่าเขาคือหน่วยข่าวกรองจากอิตาลีและมาสืบคดีภาพที่ถูกลักลอบนำเข้าจากอิตาลี จองโดฮีสารภาพว่ามีเพียงภาพเดียวเท่านั้น
เปาโลและลูกน้องเดินทางมาถึงเกาหลีและไปที่ตึกคึมกาพลาซ่า วินเชนโซ่ไหวตัวทันจึงขอให้ชายองออกไปซื้อเครื่องดื่มข้างนอก จากนั้นเขาก็ได้เผชิญหน้ากับเปาโล