สปอยล์ The Veil ตอนที่ 5

5

เมื่อจีฮยอกรู้ว่าซูยอนคือคนสุดท้ายที่ได้รับข้อมูลฉุกเฉินจากอีชุนกิล เขาจึงคาดคั้นเธอว่าใครคือผู้บงการ จากนั้นก็หมดสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมาจีฮยอกกลับจำในสิ่งที่ทำลงไปไม่ได้ จิตแพทย์บอกว่าอาการของเขาจะรุนแรงขึ้นเมื่อถึงช่วงเวลานั้นของปีและจำเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่องแต่จีฮยอกไม่สนใจ คังพิลโฮได้รับรายงานว่าจีฮยอกใช้ความรุนแรงในห้องทำงานของซูยอน จึงแนะนำให้เขาลาพักสักสองสามเดือนไม่เช่นนั้นเขาจะรายงานความประพฤติของจีฮยอกต่อคณะกรรมการทางวินัย แต่จีฮยอกบอกว่าเขาจะไม่หยุดเพียงแค่นี้

ชองอึนฮีซึ่งเป็นญาติของชองกีซอนถูกเกลี้ยกล่อมให้เซ็นยอมรับคำให้การที่ว่าญาติของเธอเป็นสายลับเกาหลีเหนือแต่เธอปฏิเสธ นักข่าวชองกีซอนและสามีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ทิ้งเกาหลีเหนือมาและเป็นคนแปรพักตร์คนแรก ด้วยประสบการณ์นักข่าวในเปียงยางจึงมาทำงานที่แทกุกอิลโบ เธอใช้หน้าที่นักข่าวเข้าไปในเกาหลีเหนือผ่านทางจีนและตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ายื่นข้อมูลส่วนตัวของผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือนับล้านให้กับคนในกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ แม้ว่าตอนนี้เธอกำลังถูกสอบสวนแต่ก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและใช้สิทธิ์ไม่ตอบคำถาม ซอยอนจึงสั่งให้เจอีและคนในแผนกช่วยกันตรวจสอบหลักฐานที่ได้มาเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการจารกรรม

ซูยอนเคยถูกพักงานสามเดือนและถูกประเมินว่ามีความเสี่ยงสูงกับปัญหาสุขภาพทางจิตแต่เธอไม่เคยไปหาหมอ จีฮยอกแอบเข้าไปในห้องพักของซูฮยอน เขาพบยาประจำตัวของเธอและรูปถ่ายที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งเหมือนกับรูปบนโต๊ะทำงานของเธอ รูปใบนั้นถ่ายไว้สามวันก่อนหน้าที่คยองซอกจะมาร่วมทีม ซูยอนกลับมาเอายาที่ห้องพักและรีบออกไปหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากอีอินฮวาน เธอจึงไม่รู้ว่าจีฮยอกอยู่ในห้อง จากรูปถ่ายที่พบ จีฮยอกจึงไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากฮาดงกยอนซึ่งเขาบอกว่าซูยอนเคยคบกับคนในองค์กรเมื่อสี่ปีก่อน

จีฮยอกได้ข้อมูลจากเจอีว่าซูยอนรับยาจากจิตแพทย์คนหนึ่งซึ่งเป็นญาติของเธอ ซึ่งจิตแพทย์บอกว่าซูยอนเป็นโรคซึมเศร้าและนอนไม่หลับสาเหตุเกิดจากองค์กรที่บังคับให้เธอทำงานที่ต้องเสียสละตัวเองเป็นอย่างมากและต้องสูญเสียเพื่อนร่วมงานรอบตัว เขายังถามเจอีอีกว่าหากเธอคบกับใครสักคน เธอจะพาแฟนไปในที่ที่เป็นความทรงจำกับแฟนเก่าไหม ซึ่งเจอีบอกว่าเธอจะไม่ทำอย่างนั้นนอกเสียจากว่ายังไม่ลืมแฟนเก่า

จากเอกสารที่ซูยอนให้ตรวจสอบ เจอีพบว่าคำให้การของญาติชองกีซอนไม่ตรงกับวันที่ที่ชองกีซอนเข้าออกประเทศซึ่งอยู่ในบันทึกที่ได้จากประเทศจีน เจอีจึงไปพบชองอึนฮีคนที่ให้การซึ่งเธอหมดสติอยู่ในห้องและมีร่องรอยของการเสพยา เจอีคิดว่าไม่สมเหตุสมผลที่จู่ๆ ชองอึนฮีจะฆ่าตัวตาย เจอีถูกหัวหน้าตำหนิที่ไปที่นั่นโดยพลการ

ซูยอนจึงช่วยแก้สถานการณ์ให้และบอกเจอีว่าหากสืบรู้อะไรคืบหน้า ขอให้บอกเธอเป็นคนแรกข้อมูลลับเกี่ยวกับชางกีชอนเพิ่งถูกส่งมาที่หน่วยข่าวกรองเมื่อสามเดือนก่อน ซึ่งแสดงว่ายังมีสายลับดำของเอ็นไอเอสทำงานอยู่ในประเทศจีน เจอีตรวจสอบจึงรู้ว่าเขาคือชางชอนอูซึ่งมีหลายชื่อและถือพาสปอร์ตหลายเล่มตามภารกิจที่เอ็นไอเอสมอบให้ ที่บ้านของเขายังมีรูปรีสอร์ทรูปเดียวกับที่ซูยอนมีอยู่ด้วย

จีฮยอกไปที่เก็บอัฐิของพ่อแม่และเกิดภาพหลอนที่เห็นพวกเขาถูกฆ่าตายตอนที่เขาอายุสิบขวบ ในประวัติการรักษาของจีฮยอกที่คังพิลโฮนำมาให้โดจินซุกดูนั้นบ่งบอกว่าจีฮยอกมีอาการพิการทางสมองซึ่งเกิดจากอาการช็อกตั้งแต่ตอนนั้น จิตแพทย์ผู้รักษาระบุว่าจีฮยอกมีภาวะลืมแบบดิสโซสิเอทีฟซึ่งเป็นโรคความจำเสื่อมแบบแยกส่วนความลับความทรงจำที่พ่อแม่โดนฆ่าออกจากหัวตัวเอง คังพิลโฮไม่แน่ใจว่าจีฮยอกจะยังคงยืนอยู่ข้างเขาไหมหากวันใดความทรงจำของเขากลับคืนมา เจอีสงสัยในความสัมพันธ์ของคังพิลโฮและซูยอนเมื่อแอบได้ยินซูยอนพูดกับเขาว่าเธอทนมามากพอแล้ว

ไฟล์ที่จีฮยอกนำมาจากที่เก็บอัฐิของพ่อกับแม่เป็นภาพของชางชอนอูที่กำลังเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ปีที่แล้ว ซึ่งจีฮยอกไปที่เสิ่นหยางได้เพียงสามวัน

กระทรวงมั่นคงสาธารณะชางฮันส่งแฟกซ์ตอบกลับเจอีซึ่งไม่มีการบันทึกเข้าออกเกาหลีเหนือของชางกีชอน ซึ่งหมายความว่ามีการปลอมแปลงข้อมูลขึ้นมา ซูยอนขอเอกสารฉบับนั้นไปและบอกว่าจะจัดการทุกอย่างเองโดยขอให้เจอีเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เจอีจึงคิดว่าเป็นเพราะชางชอนอูที่ปลอมแปลงเอกสาร ซูยอนจึงบอกเจอีว่าอีกไม่นานเธอก็จะรู้คำตอบเอง

เจอีนัดพบจีฮยอกที่เดิม เพราะแน่ใจแล้วว่าซูยอนกับชางชอนอูมีความเกี่ยวข้องกัน และชางชอนอูก็มีปัญหาทางสภาพจิตที่สูญเสียตัวตนและมีอาการสับสน จีฮยอกนั่งรอเจอีอยู่นานจนกระทั่งได้รับโทรศัพท์ให้รีบลงไปช่วยเธอที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน แต่จีฮยอกไม่พบเจอีและคิดว่าเธอถูกลักพาตัวไป เขาจึงรีบขับรถของเธอตามคนร้าย

ระหว่างไล่ล่าจีฮยอกได้รับสายจากชางชอนอูที่เตือนว่าหากเขาไม่หยุดเรื่องนี้ คนรอบตัวของเขาจะต้องเดือดร้อนอีกมากมาย เมื่อรถสองคันปะทะกันจนเกิดอุบัติเหตุ จีฮยอกจึงรู้ว่านั่นไม่ใช่รถของชางชอนอูและเจอีก็อยู่ที่กระโปรงหลังรถของตัวเองและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

จีฮยอกนัดคุยกับซูยอนซึ่งเธอชวนให้เดินไปคุยไป ซูยอนพูดถึงเรื่องงราวในอดีตตอนที่ฝึกด้วยกัน ทำให้เธอรู้ว่าจีฮยอกเห็นความสำคัญของภารกิจเป็นอันดับแรก ซูยอนบอกว่าก่อนที่เธอจะคบกับคยองซอก เธอต้องทำบางอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณใครบางคนซึ่งเธอไม่อาจปฏิเสธได้ทั้งๆ ที่ควรทำ ก่อนที่ซูยอนจะพูดอะไรต่อไป จู่ๆ เธอก็ถูกยิงและเตือนจีฮยอกว่าอย่าไว้ใจใครก่อนที่เธอจะหมดสติไปและต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน จีฮยอกถูกควบคุมตัวพร้อมด้วยภาพจากกล้องวงจรปิดที่เป็นหลักฐานที่เขาชักปืนออกมาจ่อไปที่ซูยอน ภาพในหัวของจีฮยอกแว๊บขึ้นมาตอนที่เขาลั่นไก และซูยอนโดนยิง จีฮยอกสับสนในสิ่งที่เกิดขึ้น