สปอยล์ The Veil ตอนที่ 4

4

จีฮยอกไม่เชื่อคำพูดของฮวังโมซุลที่บอกว่าฆ่าปาดคอเพื่อนร่วมทีมของเขาเพราะสองคนนั้นถูกยิงตาย ก่อนตายอีชุนกิลบอกจีฮยอกว่าเขาโทรไปตามเบอร์ฉุกเฉินที่ให้ไว้ขณะที่จีฮยอกหายตัวไป แต่มีคนกลุ่มหนึ่งมาที่จุดนัดพบเพื่อที่จะฆ่าเขา จีฮยอกได้ข้อมูลเกี่ยวกับชินซังฮุนซึ่งเคยทำงานพิเศษในหน่วยกิจการทั่วไปสังกัดหน่วยข่าวกรองนาวิกโยธิน เขาถูกจ้างมาทำงานโดยมีฮาดงกยอนเป็นหัวหน้า จีฮยอกขอให้ชอนมยองกีหาข้อมูลว่าใครคือคนสุดท้ายที่ได้รับรายงานสายด่วนฉุกเฉินจากตานตงเมื่อกลางเดือนมีนาคมปีก่อน

เมื่อหนึ่งปีก่อนร่างของ ผอ.ชเวอิลลักถูกพบเป็นศพอยู่ในรถยนต์ที่บึงน้ำแห่งหนึ่ง ซังกยูนซึ่งเป็นลูกชายของเขาขอให้ยูเจอีหยุดสืบเรื่องนี้และให้เชื่อว่าพ่อของเขาฆ่าตัวตายเอง

ขณะที่ชอนมยองกีกำลังหาข้อมูลที่จีฮยอกต้องการ ซังกยูนแฮกเข้าไปในระบบเซิฟเวอร์ของเอ็นไอเอสและเซฟข้อมูลข่าวกรองลับสุดยอดของปีที่แล้วก่อนที่จะหลบหนีไป ในขณะที่มีอีกคนหนึ่งเข้าไปในห้องปฏิบัติการเพื่อลบข้อมูล ระหว่างที่หลบหนีซังกยูนโทรติดต่อนัดหมายกับนักข่าวจางโฮซองเพื่อเปิดโปงข้อมูล เขายังได้รับข้อความจากคนนิรนามที่ต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแก้แค้น เจอีสงสัยว่าซังกยูนเกี่ยวข้องกับการแฮกจึงชวนจีฮยอกไปหาเขาที่บ้านแต่ซังกยูนไม่อยู่ เจอีพบนามบัตรของนักข่าวจางโฮซองจึงรีบโทรไปที่เบอร์นั้นและรู้ว่าเขานัดซังกยูนที่ไหน

เอ็นไอเอสเชื่อว่าแฮกเกอร์ต้องการข้อมูลเพราะเกี่ยวข้องกับคดีการตรวจสอบพลเรือน ทั้งอีอินฮวานและโดจินซุกต่างก็กระวนกระวายที่ข้อมูลข่าวกรองโดนแฮก

ซังกยูนไปพบกับนักข่าวจางโฮซองที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แต่เขาไหวตัวทันเพราะสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบหลายคนอยู่บริเวณนั้น ขณะวิ่งหนีอยู่ในห้างจีฮยอกมาช่วยซังกยูนได้ทัน ซังกยุนต่อว่าจีฮยอกที่ไม่รักษาสัญญาว่าจะปกป้องพ่อของเขา จีฮยอกยังจำเหตุการณ์ในตอนนั้นไม่ได้และเกิดอาการปวดหัวรุนแรงขึ้นมากะทันหัน ซังกยูนจึงฉวยโอกาสนี้หลบหนีไปอีกครั้ง

ฮาดงกยอนบอกจีฮยอกว่าซูยอนยื่นเรื่องขอย้ายตัวเองไปอยู่ฝ่ายในประเทศสองวันก่อนหน้าที่จีฮยอกจะหายตัวไปเมื่อปีก่อน เจอีได้รับสแปมอีเมลซึ่งเป็นเกมที่เธอมักจะเล่นกับซังกยูน จากนั้นเธอจึงไปอยู่ที่ร้านเน็ตทั้งคืนเพื่อรอการติดต่อจากเขา

ระหว่างนั้นจีฮยอกไปพบคังพิลโฮและได้รู้ว่าฮาดงกยอนมีปัญหาทางการเงินตั้งแต่ค่ารักษาพยาบาลลูกสาวจนกระทั่งเธอเสียชีวิตและหมดตัวไปกับพวกที่อ้างว่าลงทุนเพื่ออนาคต และเรื่องที่เกิดขึ้นกับจีฮยอกที่เสิ่นหยาง พิลโฮคิดว่าโดจินซุกกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนที่จีฮยอกและทีมของเขาจะไปที่นั่น ล้วนเป็นภารกิจที่โดจินซุกสั่งแบบกะทันหันทั้งสิ้นจนกระทั่งถึงตอนที่ทีมของเขาตาย จากนั้นเธอก็สั่งให้เก็บข้อมูลทั้งหมดเป็นความลับและไม่อนุญาตให้ใครดูเด็ดขาด

ซูยอนให้เจ้าหน้าที่ไอทีติดโปรแกรมเคพีเอ็มไว้ที่โทรศัพท์ของเจอีเพื่อดักฟัง เธอจึงรู้ว่าเจอีกำลังจะนัดพบกับซังกยูน แต่เจอีบอกว่าซังกยูนต้องการพบจีฮยอก ทั้งจีฮยอกและเจอีไปรอซังกยูนที่สถานีโซลตามนัด โดยที่ซูยอนและทีมงานเฝ้าดูกล้องวงจรปิดอยู่ทั่น่น จนกระทั่งซังกยูนแฮกโปรแกรมกล้องวงจรปิดและส่งสัญญาณบางอย่างเพื่อบอกเจอี จีฮยอกวิ่งไปขึ้นรถไฟฟ้าและได้พบซังกยูนที่นั่น ซึ่งเขาบอกข้อความที่จีฮยอกแชทกับพ่อของเขา ในตอนนั้นจีฮยอกขอให้พ่อของเขาสืบว่าใครคือคนสุดท้ายที่รับข้อความด่วนและหลังจากนั้นไม่นานพ่อของเขาก็ตาย ซังกยูนยังไม่เอ่ยชื่อบุคคลนั้นแต่ให้รหัสบางอย่างซึ่งเป็นข้อความสุดท้ายที่พ่อแชทกับจีฮยอก ระหว่างที่จีฮยอกและซังกยูนคุยกันอยู่นั้นซูยอนใช้เครื่องกระจายเสียงบอกซังกยูนบนรถไฟฟ้าว่าอย่าไว้ใจจีฮยอก เพาะเขาคือคนที่หักขาพ่อของเขา ซูยอนขอให้ซังกยูนลงรถที่สถานีหน้าซึ่งจะมีคนมารอรับ

ระหว่างที่ถูกสอบสวน ซังกยูนเคาะจังหวะเท้าไปด้วยเพราะเขากำลังรอเวลาที่ตั้งไว้เพื่อปล่อยไวรัสทำลายระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดในองค์กร เขาไม่ให้ข้อมูลอะไรนอกจากขอพบจีฮยอกเท่านั้น

จีฮยอกขอให้ปิดระบบเสียงและกล้องวงจรปิดทั้งหมดขณะที่คุยกับซังกยูน แต่ซูยอนแอบโยนปากกาบันทึกเสียงไว้ในถังขยะโดยไม่มีใครรู้ จีฮยอกเล่าความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นในซีเรียขณะปฏิบัติภารกิจกับพ่อของเขา และมีเด็กคนหนึ่งต้องสละชีวิตเพื่อภารกิจนี้ จีฮยอกบอกความหมายของรหัสที่ซังกยูนสงสัย จากนั้นเขาจึงบอกจีฮยอกให้ใช้รหัสนี้เพื่อระงับไวรัส จีฮยอกบอกให้อดทนรอเพราะมีหนูเน่าอยู่ในองค์กรนี้

ขณะที่เจอินเข้าไปเยี่ยมซังกยูนในห้องสอบสวน เขาจึงขอใช้โทรศัพท์ของเธอเพื่อโทรบอกจีฮยอกว่าคนสุดท้ายที่รับสายด่วนฉุกเฉินในตอนนั้นก็คือซอซูยอน..