สปอยล์ Under The Queen’s Umbrella ตอนที่ 5
หลังจากที่องค์รัชทายาททรงมีพระอาการกระอักเลือดที่สำนักชีกังวอน ทำให้มีข่าวลือแพร่สะพรัดไปต่างๆ นานาทั่ววัง ฝ่าบาททรงลงโทษองค์ราชินีด้วยการกักบริเวณพระนางอยู่ที่ตำหนักจุงกุงและให้คัดลอกพระคัมภีร์โดยให้เวลาห้าวัน พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมองค์รัชทายาทนอกจากหมอหลวงโจกุกยองเท่านั้น หมอหลวงควอนผู้ถวายการรักษาก่อนหน้านี้ถูกนำตัวไปขังที่เรือนจำ
สี่องค์ชายพระอนุชาขององค์รัชทายาท ทรงปรารถนาที่จะเข้าไปดูอาการของพระเชษฐา แต่พระพันปีทรงตำหนิว่าการกระทำแบบนั้นถือเป็นการต่อต้านฝ่าบาท โดยเฉพาะองค์ชายซองนัมที่พระพันปีทรงตอกย้ำให้ปิดหูปิดปากปิดตาหากต้องการปกป้องสิ่งอันเป็นที่รัก
องค์ราชินีทรงเร่งคัดลอกคัมภีร์ให้เสร็จภายในคืนเดียว เพราะทรงหวังว่าจะได้เข้าไปเยี่ยมองค์รัชทายาท หัวหน้าขันทีมิบังอาจทูลอาการใดๆขององค์รัชทายาทให้แก่พระนางได้เพราะฝ่าบาทมีรับสั่งเช่นนั้น องค์ราชินีจึงทรงขอร้องหัวหน้าขันที่อย่าปล่อยให้ใครอยู่กับองค์รัชทายาทตามลำพังโดยเฉพาะหมอหลวงโจกุกยอง สี่องค์ชายยังทรงกระวนกระวายพระทัยที่ไม่อาจเข้าเยี่ยมพระเชษฐาหรือเข้าเฝ้าพระชนนีได้ องค์ชายอึยซองที่ทรงหวังตำแหน่งองค์รัชทายาททรงพูดจาถากถางองค์ชายซองนัมเหมือนเช่นเคยและเปรยว่าองค์รัชทายาททรงอาเจียนเป็นลิ่มเลือดและอยู่ในภาวะวิกฤติ
พระสนมฮวังต้องการให้ท่านอัครมหาเสนาบดีฮวังวอนฮยองผู้เป็นพ่อปลุกกระแสเรื่องการปลอดตำแหน่งองค์รัชทายาท และหากฝ่าบาทไม่ทรงยอม ก็ต้องให้เหล่านักปราชญ์ร่วมมือโดยการถวายฏีกา
พระพันปีทรงเตือนท่านเสนบดีกลาโหมยุนซูควังว่าอย่าปล่อยให้ท่านอัครมหาเสนาบดีฮวังชักจูงไปได้ เพราะทรงคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าท่านฮวังจะต้องมาขอความร่วมมือจากท่านยุน
องค์ชายซองนัมแอบลอบเข้าเฝ้าองค์ราชินีเพื่อถามถึงพระอาการลิ่มเลือดขององค์รัชทายาท พระนางทรงยืนยันว่าไม่มีและพระอาการดีขึ้นด้วยซ้ำหลังจากเสวยยาสมุนไพรจากภายนอกที่องค์ชายซองนัมนำมาถวาย องค์ราชินีทรงเตือนองค์ชายซองนัมมิให้ทำอะไรบุ่มบ่ามและต้องเก็บความลับเรื่องยาสมุนไพร แต่หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปหรือเกิดอะไรขึ้น พระนางจะเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด
จากนั้นองค์ชายซองนัมก็ลักลอบเข้าไปสอบถามหมอหลวงควอนที่เรือนจำซึ่งเขายืนยันว่าสมุนไพรนั้นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้พระอาการขององค์รัชทายาททรุดลง แต่บางครั้งก็อาจเป็นโทษได้หากใช้ต่างฤดูกาลและขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคลถึงแม้ว่าจะมีสรรพคุณเดียวกันก็ตาม หมอหลวงควอนรับปากองค์ชายซองนัมว่าเขาจะเก็บความลับเรื่องยาสมุนไพรนี้ไปจนวันตาย หลังจากองค์ชายซองนัมเสด็จกลับไปแล้ว หมอหลวงควอนถูกปิดตาและถูกทำร้ายร่างกาย เขาถูกบังคับจนต้องพูดออกมาต่อหน้าพระพันปีว่าองค์ราชินีคือผู้บงการแค่เรื่องที่องค์รัชทายาทเสด็จแปรพระราชฐานเท่านั้น
ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะทรงยกเลิกคำสั่งไม่ให้องค์ราชินีต้องคัดลอกคัมภีร์อีกต่อไป แต่พระนางก็ยังทรงกังวลและห่วงองค์รัชทายาทอย่างสุดหัวใจเพราะไม่อาจเสด็จไปเยี่ยมพระโอรสได้
องค์ชายซองนัมเสด็จกลับไปหาหมอโทจีที่หมู่บ้านเพิงกระท่อมอีกครั้งเพราะทรงคิดว่ายาสมุนไพรของเขาทำให้อาการขององค์รัชทายาททรุดลง แต่หมอโทจียืนยันว่าเขาได้ถวายยาสลายลิ่มเลือดให้เมื่อครั้งก่อนและขอให้หยุดถวายการฝังเข็มด้วยซ้ำ
เมื่อฝ่าบาทยังไม่ทรงอนุญาตให้องค์ราชินนีเสด็จเข้าเยี่ยมองค์รัชทายาท พระนางจึงใช้การสื่อสารโดยผ่านคนของพระองค์เองที่แทรกซึมอยู่ทั่ววังหลวง โดยเฉพาะขันทีที่อยู่เคียงข้างองค์รัชทายาทที่ได้รับคำสั่งจากพระนางไม่ให้ปล่อยองค์รัชทายาทอยู่ตามลำพังกับผู้ใดโดยเด็ดขาดโดยเฉพาะหมอหลวงโจกุกยอง นอกจากนั้นพระนางยังทรงได้รับข่าวคราวความคืบหน้าพระอาการขององค์รัชทายาทที่ตอนนี้ทรงหยุดอาเจียนเป็นเลือดแล้วแต่ยังไม่ได้พระสติ และปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นก็คือความเคลื่อนไหวของอัครมหาเสนาบดีฮวังกับพระพันปี
ท่านอัครมหาเสนาบดีฮวังต้องการให้ใต้เท้ายุนซูควังเป็นผู้เปิดประเด็นในการปลดตำแหน่งองค์รัชทายาท และเขาจะเป็นผู้ดำเนินการกระบวนการแทฮยอนเอง (การเลือกผู้สืบบัลลังก์ที่ฉลาดที่สุด) โดยยื่นข้อเสนอให้ใต้เท้ายุนว่าลูกสาวของเขาจะได้เป็นพระชายา ไม่ว่าใครจะเป็นองค์รัชทายาทคนใหม่ก็ตาม
ฝ่าบาททรงปฏิเสธฎีกาที่ขอให้มีการปลดตำแหน่งองค์รัชทายาท เพราะพระองค์ทรงมีพระราชประสงค์มุ่งมั่นที่จะรักษาอาการของพระราชโอรส เมื่อฝ่าบาทเสด็จไปผ่อนคลายที่ตำหนักพระสนมแท องค์ชายโบกอมจึงทรงทูลเตือนฝ่าบาทว่าการกระทำของเหล่าเสนาเป็นวิธีที่พวกเขากำลังจะล่อเสือให้ลงมาจากภูเขาเพื่อควบคุม
องค์ราชินีทรงปลอมองค์เป็นนางในเพื่อออกไปสืบข่าวความเคลื่อนไหวต่างๆที่ไม่ชอบมาพากลในวังหลวง และได้ทรงเห็นเหล่าขุนนางชุมนุมกันที่หน้าท้องพระโรงเพื่อเรียกร้องให้ปลดองค์รัชทายาท จากนั้นพระนางจึงเสด็จออกนอกวังเพื่อไปขอคำแนะนำจากพระมเหสียุนเรื่องพระอาการขององค์รัชทายาท พระมเหสียุนทรงมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนหากในอนาคตพระนางจะทรงขออะไรบางอย่างจากองค์ราชินี พระมเหสียุนทรงทูลว่าองค์ชายแทอินไม่เคยอาเจียนเป็นเลือดมาก่อนแต่ทว่าบนร่างกายปรากฎบาดแผลที่ไม่ทราบสาเหตุซึ่งต่างจากพระอาการขององค์รัชทายาทองค์ปัจจุบัน พระมเหสียุนทรงแน่พระทัยว่าองค์ชายแทอินถูกสังหารโดยพระพันปีที่มายอมรับต่อหน้าพระพักตร์ขณะที่พระนางถูกจองจำ และกระบวนการแทฮยอนที่เกิดขึ้นในตอนนั้นคือการต้อนให้ฝ่าบาทจนมุม
พระพันปีทรงเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทให้ทำตามที่เหล่าขุนนางเรียกร้องโดยอ้างว่าเห็นแก่ราชบัลลังก์ที่ได้มาจากการสนับสนุนของพวกเขาทั้งที่พระองค์เป็นเพียงโอรสของพระสนม องค์ราชินีรีบเสด็จกลับวังและตรัสอย่างห้าวหาญต่อหน้าเหล่าขุนนางทุกคนที่กำลังชุมนุมว่าหากเห็นแก่ราชอาณาจักรก็ควรที่จะปกป้องและช่วยองค์รัชทายาทที่ไม่เคยทรงทำอะไรผิด ฝ่าบาททรงเห็นด้วยและเข้าข้างองค์ราชินีโดยตรัสว่าจะไม่มีการพูดถึงเรื่องการปลดองค์รัชทายาทอีกต่อไป หากผู้ใดยุยงหรือหารือเรื่องนี้อีก พระองค์ก็จะทรงลงโทษผู้นั้นในฐานะกบฏ ทันใดนั้นเองหัวหน้าขันทีรีบเข้ามากราบทูลองค์ราชินีให้รีบเสด็จไปหาองค์รัชทายาทที่เหลือเวลาอีกไม่มากเพราะมีเรื่องต้องกราบทูลและขอคำตอบจากพระนางให้ได้
องค์รัชทายาทที่เคยทรงทูลขอก่อนหน้านี้ว่าไม่ให้พระนางพังทลายลงและปกป้องพระโอรสและพระอนุชา และพระองค์จะเป็นสายลมเพื่อมาอยู่เคียงข้างพระนาง องค์ราชินีทรงวิ่งทั้งน้ำพระเนตรเพื่อไปให้คำตอบกับองค์รัชทายาทให้ทันเวลาแต่ทว่าพระนางเสด็จมาช้าเกินไปเสียแล้ว องค์ราชินีทรงกันแสงปริ่มว่าจะขาดใจและทรงกอดพระศพองค์รัชทายาทพร้อมทั้งให้สัญญาตามที่องค์รัชทายาททรงทูลขอเอาไว้