สปอยล์ Mouse ตอนที่ 6
เมื่อบงอีเห็นคลิปที่คนร้ายกำลังจะฆ่าบาทหลวงมูวอน เธอจึงรีบไปที่นั่น เพื่อช่วยบาทหลวงและต้องการแก้แค้นให้ยาย แต่ทว่าบาทหลวงถูกฆ่าไปแล้ว บงอีเผชิญหน้าและต่อสู้กับคนร้าย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงพอดี เธอจึงรอดชีวิตและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ในบรรดากลุ่มคนที่มุงดูที่เกิดเหตุ บารึมได้กลิ่นมิ้นต์จากใครบางคน เมื่อมูจีเห็นศพบาทหลวงมูวอน เขาเสียใจและร้องไห้ราวกับคนเสียสติ หมอจึงต้องฉีดยาระงับประสาทให้เขาและพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล
คนร้ายปล่อยคลิปวิดีโอขณะที่ให้หนูน้อยฮันกุกอ่านนิทานเรื่อง “ลากับแพะ” ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าคนร้ายต้องการฆ่าฮันกุก ก็เพราะเขาไม่อิจฉาริษยาเด็กคนอื่นเหมือนกับแพะในนิทาน และมีความเป็นไปได้น้อยมากที่ฮันกุกยังมีชีวิตอยู่
ดงกูบอกกับพีดีชเวและบารึมว่า เขาสงสัยว่าคนร้ายต้องติดเครื่องดักฟังไว้ ไม่เช่นนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาทำคลิปปลอมของฮันกุก
เจ้าหน้าที่พบศพของ ดร.อี แต่เนื่องจากอยู่ใต้น้ำนานเกินไป สภาพศพจึงเน่าเปื่อยไปหมด หลังจากเสร็จพิธีศพของบาทหลวงมูวอน มูจีได้แต่เมามายและเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ขณะที่บงอีอยู่ที่โรงพยาบาล หมอโยฮันเป็นเจ้าของไข้ของเธอ และถามว่าเธอเห็นหน้าคนร้ายหรือเปล่า เมื่อบงอีตอบว่าไม่ โยฮันจึงบอกว่าถ้าหากเธอเห็นหน้าเขา ป่านนี้ก็คงโดนฆ่าตายไปแล้ว บงอีให้การว่าเธอจำเชิงเทียนของโบสถ์แห่งนั้นได้ จึงโทรแจ้งตำรวจและไปที่นั่น และคนร้ายก็ไม่ได้ถนัดซ้ายอย่างที่เคยเป็นข่าว ต่อมาเธอบอกบารึมว่า ขณะที่ต่อสู้กับคนร้าย เธอใช้มีดกรีดไปที่แขนข้างซ้ายของเขา จีอึนไปหาโยฮันที่โรงพยาบาลแต่เขาไม่ยอมรับสายหรือพบแม่ แต่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่บนตึก และเห็นแม่ของเขาวิ่งออกไปอาเจียนด้านนอกหลังจากที่เห็นบงอีนอนบาดเจ็บอยู่บนเตียง จีอึนโทษตัวเองที่ไม่ฆ่าโยฮันให้ตายตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก
คนร้ายปล่อยคลิปวิดีโอของฮันกุกอีกครั้งเพื่อท้าทายโกมูจี โดยให้เวลาสามวันเพื่อตามหาเขาให้เจอ ไม่เช่นนั้นฮันกุกก็จะเหลือเพียงร่างที่ไร้ปอด มูจีตั้งสติได้และกลับไปทำงานอีกครั้ง โดยเริ่มสืบคดีของคุณยาย เมื่อได้เบาะแสจากสำนักงานจัดหางานที่คุณยายไปในวันนั้น มูจีจึงเริ่มแกะรอยจากเบอร์โทรศัพท์ที่คุณยายรับสาย จากนั้นเขาก็ไปหาจีอึนที่บ้านเพื่อสอบปากคำ และจำได้ว่าเธอคือภรรยาของฮันซอจุนที่โอนเงินค่าชดเชยมาให้เขาทุกเดือนนับตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อ25ปีก่อน มูจีเริ่มตรวจสอบประวัติครอบครัว จึงรู้ว่าเธอเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นซองจินอาและเปลี่ยนชื่อแจฮุนเป็นซองโยฮัน
มูจีไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังจากที่รู้ว่าคิมจุนซองเพื่อนของหมอโยฮันถูกฆาตกรรม เวลาตายของคิมจุนซองตรงกับเวลาที่คนร้ายโทรหาเขาในวันแถลงข่าว มูจีแค้นใจที่พ่อแม่ต้องตายด้วยน้ำมือของฮันซอจุน ส่วนโยฮันก็เป็นคนฆ่าพี่ชายของเขา มูจีบอกตัวเองว่าเขาจะต้องฆ่าโยฮันให้ได้ จากนั้นก็จะตามไปฆ่าฮันซอจุนในคุก
มูจีแอบเข้าไปที่บ้านของโยฮัน และกำลังจะเข้าไปในห้องใต้ดิน แต่หมอโยฮันกลับมาพอดี มูจีจึงไปซ่อนตัวในโรงจอดรถและได้พบรองเท้าเปื้อนคราบเลือดพร้อมกับซิปเสื้อที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุในวันที่ ดร.อี ถูกฆาตกรรม มูจีนำหลักฐานนี้ออกมาทิ้งถังขยะเพื่อให้สายสืบชินไปขอหมายค้น และเขาจะรออยู่บริเวณนั้น
พีดีชเวและบารึมพบความจริงว่า ในวันที่ชีกุกถูกทำร้าย หมอโยฮันเข้าไปที่เรือนจำโดยอาศัยรถของเพื่อนซึ่งเป็นหมอประจำที่นั่น จึงไม่ได้ลงทะเบียนในรายชื่อคนเข้าออก พีดีชเวเริ่มสงสัยหมอโยฮันและนึกถึงพลาสเตอร์ยาที่หล่นอยู่ในบ้านของเขา เพราะคิดว่าเป็นของฮันกุก เธอจึงไปที่นั่น มูจีที่จอดรถอยู่ห่างๆสงสัยว่าพีดีชเวมาทำอะไรที่บ้านหมอโยฮัน
พีดีรื้อถังขยะเพื่อหาพลาสเตอร์ยา และสิ่งที่เธอพบเพิ่มเติมก็คือชิ้นส่วนของเครื่องดักฟัง แต่เธอไม่ได้สังเกตเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของหมอ ซึ่งเป็นเอกสารจากห้องทดลองพันธุกรรมมนุษย์ เมื่อหมอโยฮันเข้ามาในห้อง เธอจึงซ่อนพลาสเตอร์ยาไว้ในแขนเสื้อ และเสแสร้งว่ามาหาด้วยความคิดถึงพร้อมทั้งสวมกอด หลังจากที่เธอลงไปชั้นล่างแล้ว หมอโยฮันจึงรีบซ่อนเอกสารนั้น มูจีส่องกล้องดูจึงรู้ว่าเธอรู้จักหมอโยฮันมาโดยตลอดแต่ปิดบังไว้
มูจีไม่ได้หมายค้น เพราะผลตรวจคราบเลือดที่รองเท้าไม่ตรงกับ ดร.อี หรือเหยื่อรายอื่นๆเลย เขาจึงไม่สามารถเข้าไปในบ้านของโยฮันได้ มูจีวางแผนล่อหมอโยฮันออกมา โดยโทรบอกพีดีชเวว่าได้หมายค้นแล้วเพื่อให้เธอรีบไปหาข้อมูลที่ ส.น. หมอ โยฮันขอนัดพีดีชเวในวันพรุ่งนี้โดยบอกว่าจะเล่าทุกอย่างให้ฟังทั้งหมด
หลังจากพีดีชเวไปแล้ว หมอโยฮันนำกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใส่รถ มูจีสร้างสถานการณ์ให้แฟนของสายสืบชินขับชนท้ายรถของโยฮัน เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงและขอตรวจค้นกระเป๋าในรถ แต่ไม่พบหนูน้อยฮันกุก จึงขอตรวจท้ายรถซึ่งมีเพียงกระเป๋าพยาบาลเท่านั้น
เหลือเวลาอีกเพียงวันเดียวเท่านั้นที่มูจีจะต้องช่วยฮันกุก เขาจึงสั่งให้สายสืบชินขับรถตามโยฮันไปแต่ก็ต้องคลาดกัน เพราะหมอโยฮันรู้ตัวว่าถูกติดตาม ขณะที่มูจีย้อนกลับไปที่ห้องใต้ดินในบ้านหมออีกครั้ง แต่ไม่พบฮันกุก
มูจีต่อว่าพีดีชเวที่ปิดบังเรื่องโยฮัน เขาต้องร้องไห้เสียใจหนักอีกครั้งเมื่อเห็นภาพชันสูตรศพของพี่ชายที่คนร้ายผ่าท้องเพื่อยัดก้อนหินไว้ก่อนที่จะเย็บกลับ หมอโยฮันเผาทำลายเอกสารพันธุกรรมมนุษย์ ก่อนที่จะไปหาแม่ของเขาที่บ้าน
ผลตรวจดีเอ็นเอจากคราบเลือดบนพื้นรองเท้าพบว่าตรงกับศพที่พบในทะเล และเนื้อเยื่อบนพลาสเตอร์ยาตรงกับคุณยายของบงอี เจ้าหน้าที่จึงรีบออกหมายค้น
หมดเวลาสามวันที่จะช่วยฮันกุกแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่พบร่องรอยใดๆ บารึมพาบงอีมาพักฟื้นที่บ้านของเขา จากเมื่อได้รับแจ้งว่าพบดีเอ็นเอของคุณยายในบ้านของโยฮัน บารึมจึงรีบไปที่นั่นและพบรูปของเหยื่อทุกรายติดอยู่ที่ด้านหลังอีกชั้นหนึ่งของผนังห้องใต้ดิน ขณะที่หมอโยฮันไปที่บ้านของบารึม บงอีเห็นคนร้ายจึงพยายามโทรหาบารึม แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เธอจึงซ่อนตัวและโทรบอกมูจีที่เพิ่งสร่างเมา บารึมย้อนกลับมาช่วยบงอีและบอกให้เธอรีบไปแจ้งตำรวจ บงอีพบมูจีที่เพิ่งมาถึง พวกเขาจึงรีบไปช่วยบารึม มูจียิงโยฮันขณะที่เขากำลังทุบหัวบารึม ทั้งคู่นอนบาดเจ็บอยู่ข้างๆ และมองหน้ากัน จากนั้นพวกเขาก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
บงอีนำนกที่บารึมเคยเลี้ยงไปไว้ในห้องพักของเขา แต่ทว่าเมื่อฟื้นขึ้นมา บารึมกลับหักคอนกตัวนั้นตายและโยนทิ้ง เพราะเขารู้สึกรำคาญเสียง..