สปอยล์ Mouse ตอนที่ 1
เมื่อสิบปีก่อนเกิดเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องที่ฆาตกรมักจะตัดหัวของเหยื่อไป เขาจึงมีฉายาว่านักล่าหัว ข่าวนี้ทำให้ประชาชนหวาดกลัวในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับฆาตกรได้ ดร.แดเนียล อี เดินทางมาจากอังกฤษเพื่อบรรยายพิเศษในหัวข้อพันธุกรรมจิตเภทซึ่งเขากำลังทำวิจัย และในอนาคตอาจมีความเป็นไปได้ที่จะตรวจพันธุกรรมของเด็กทารกในครรภ์มารดา จากนั้นเขาถูกเชิญไปเข้าร่วมประชุมเรื่องร่างกฎหมายการตรวจดีเอ็นเอของทารกในครรภ์ เพื่อป้องกันอาชญากรรมในประเทศ หากพบว่าเด็กมีพันธุกรรมจิตเภท ก็สามารถบังคับให้มารดาทำแท้งได้ แต่ฝ่ายค้านยังคงอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน กฎหมายร่างฉบับนี้จึงตกไป แม้ว่า ดร.อี ได้อธิบายถึงความเป็นไปได้ 99% ก็ตาม
ดร.อี แวะไปเยี่ยมศัลยแพทย์ฮันซอจุน ซึ่งเป็นเพื่อนรักและเคยเรียนที่ประเทศอังกฤษด้วยกัน หมอซอจุนแต่งงานอยู่กินกับจีอึนซึ่งกำลังตั้งท้องแก่ ในอดีตนั้นซอจุนเคยเป็นคนรักกับเจนนิเฟอร์น้องสาวของ ดร.อี แต่เธอถูกฆาตกรรมเมื่อเจ็ดปีก่อน
ครอบครัวนึง พ่อแม่พาลูกชายสองคนโกมูวอนและโกมูจีเดินทางไปตั้งแคมป์แห่งหนึ่งในคืนหิมะตก พ่อได้ถามเส้นทางระหว่างทางก่อนที่จะไปถึงยังที่ตั้งแคมป์ที่ปิดเพราะหิมะตกหนัก แต่ลูกๆ ของพวกเขายังอยากที่จะตั้งแคมป์ตามที่ตั้งใจกันไว้ โดยไม่คิดว่าคืนนั้นจะเป็นคืนที่โหดเหี้ยมสำหรับครอบครัวนี้เพราะฆาตกร นักล่าหัว และในเหตุการณ์ที่แสนโหดร้ายวันนั้นทำให้พ่อแม่ของเขาถูกฆาตกรฆ่า เด็กน้อยสองคน มูวอนพี่ชายอาการสาหัสและมูจีปลอดภัย จากความช่วยเหลือของตำรวจ มูจินยังคงมีอาการหวาดผวาและช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเห็นภาพของหมอซอจุนในทีวีของโรงพยาบาล เขาจึงบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าหมอซอจุนคือฆาตกร
ทางตำรวจนำทีมไปจับกุมหมอซอจุน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายมาขอตรวจค้นและใส่กุญแจมือซอจุน ในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง โกมูจีแอบอยู่ในรถตำรวจและพยายามกรีดหน้าของซอจุนในขณะที่เผลอ ด้วยมีดหมอที่เขาแอบหยิบมาจากโรงพยาบาล ซอจุนจึงมีแผลบนใบหน้าเล็กน้อย ตำรวจไม่พบอาวุธหรือหลักฐานต้องสงสัยใดๆ เมื่อกลับออกมานอกบ้านและเห็นมูจีพยายามทำร้ายร่างกายซอจุน พวกเขาจึงช่วยกันเข้าห้าม จนกระทั่งไปชนตุ๊กตาหิมะ จึงได้เห็นหลักฐานสำคัญที่ซ่อนอยู่ในนั้น ซึ่งก็คือหัวของแม่มูจี ซอจุนจึงถูกควบคุมตัวไปสถานีตำรวจ แต่ซอจุนให้การปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่คนปั้นตุ๊กตาหิมะเหล่านั้น ทนายจึงประกันตัวออกไปในระหว่างที่ดำเนินคดี เพราะศาลให้ความสำคัญกับพยานหลักฐานมากกว่า จีอึนและ ดร.อี ไปรอซอจุนที่หน้าสถานีตำรวจ จีอึนแน่ใจว่าสามีของเธอคือนักล่าหัวหรือฆาตกรต่อเนื่อง จึงนำรูปถ่ายขณะที่สามีปั้นตุ๊กตา มอบให้กับตำรวจ ซอจุนบอกกับจีอึนว่าเขาแต่งงานกับเธอเพราะต้องการทายาทสืบเนื่องจากเขา ดร.อีได้รู้ความจริงว่า เจนนิเฟอร์น้องสาวของเขาที่ตายไปเมื่อเจ็ดปีก่อน ก็เพราะฝีมือของซอจุนเพื่อนรักนั่นเอง ต่อมาศาลได้พิพากษาให้ประหารชีวิตซอจุน
ย้อนไปตอนที่ครอบครัวของเด็กน้อยมูจี และมูวอนที่กำลังเดินทางไปตั้งแคมป์ตอนที่พ่อของพวกเขาลงไปถามทางก็คือหมอซอจุนซึ่งจอดรถอยู่ข้างทางหลังจากที่ไปส่ง ดร.อี แล้ว ในใจของหมอซอจุนนั้นคิดว่าคืนนี้เป็นโอกาสของเขาที่จะออกล่าเหยื่อ จากนั้นเขาก็ตามไปฆ่าครอบครัวนี้อย่างโหดเหี้ยมและตัดศีรษะของเหยื่อไปเช่นเคย
จีอึนตัดสินใจให้ ดร.อี ตรวจดีเอ็นเอของทารกในครรภ์ และผลออกมาว่าลูกของเธอมีพันธุกรรมจิตเภท แต่เธอไม่สามารถทำแท้งได้ เพราะตอนนี้ท้องแก่มาก
10 ปีต่อมา
แจฮุนเด็กชายที่มีไอคิวเกิน 160 และอยากจะเป็นหมอ แต่ขณะที่เรียนอยู่นั้น แจฮุนมีพฤติกรรมแปลกๆ และฆ่าผ่าท้องกระต่ายในโรงเรียน คุณครูจึงต้องเรียกผู้ปกครองมาพบ จากนั้นแจฮุนก็ถูกพ่อทำโทษและต่อว่า พ่อเลี้ยงของแจฮุนชอบเลี้ยงปลาและสุนัข วันหนึ่งเมื่อพ่อไม่อยู่บ้าน แจฮุนแอบเอาแอมโนเนียใส่ตู้ปลาและนำสุนัขไปฆ่า เพื่อเป็นการแก้แค้นพ่อเลี้ยง หลังจากนั้นก็กำชับน้องไม่ให้บอกพ่อ ต่อมาเขาขุดหลุมเพื่อจะฝังน้องชายทั้งเป็นเพราะคิดว่าน้องฟ้องพ่อ แต่แม่มาช่วยไว้ทันและต่อว่าแจฮุนว่าเขาคือลูกปีศาจ
แจฮุนเข้าโบสถ์เพื่ออธิษฐานไม่ให้ตัวเองเป็นลูกปีศาจอย่างที่ถูกประณาม แต่คำอธิษฐานของเขาไม่เป็นผล พระเจ้าไม่ตอบรับคำอ้อนวอนของเขา สุดท้ายเขาก็กลายเป็นฆาตกร
แจฮุนกลับไปที่บ้านและเจอพ่อนอนแน่นิ่งมีมีดแทงอยู่ที่ท้อง
เขาดึงมีดนั้นออกมาถือไว้และเดินขึ้นข้างบน น้องๆสองคนหลบอยู่..