สปอยล์ Happiness ตอนที่ 1

1

จองอีฮยอน(พัคฮยองชิก)และยุนแซบม(ฮันฮโยจู) เป็นเพื่อนตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย 12ปีต่อมา..
แซบมเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ อีฮยอนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอาชญากรรม หลังจากได้รับแจ้งเหตุฆาตกรรมที่อพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่ง คิมจองกุกและอีฮยอนจึงไปที่เกิดเหตุด้วยกันและพบว่าเหยื่อถูกกัดคอจนเสียชีวิต ผู้ต้องหาซองอูเจไม่มีอาวุธสังหารแต่ปากของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด เขาให้การว่าจำอะไรไม่ได้และรู้สึกเหมือนฝันไปและกระหายน้ำมาก เพราะกินยาที่ซื้อมาจากอีจงแทซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกหัดในหน่วยของแซบม อีฮยอนคิดว่าผู้ต้องสงสัยมีอาการหลอนจากการเสพยา อีฮยอนโทรแจ้งเรื่องนี้กับแซบม เธอจึงไปหาอีจงแทซึ่งเกิดอาการคุ้มคลั่งและกำลังกัดคอเพื่อนร่วมงาน แซบมพยายามเข้าระงับเหตุการณ์และยิงที่ขาของจงแทไปสองนัดเพราะคิดว่าอีจงแทมีอาการคล้ายกับโรคพิษสุนัขบ้า ขณะที่เธอโดนจงแทข่วนที่มือจนเป็นบาดแผล แซบมแปลกใจที่อีจงแทไม่สะทกสะท้านกับการถูกยิงและโทรถามอีฮยอนว่าเขาจับผู้ต้องหารายนั้นได้อย่างไรโดยไม่ต้องใช้ปืน แต่อีฮยอนกลับเป็นห่วงว่าแซบมจะถูกกัด

อีจงแทถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารนำตัวไปรักษาและกักกันเพื่อสังเกตอาการต่อไป พันโทฮันแทซอกจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อมารับแซบมไปโดยบอกว่าเธอถูกข่วนและสัมผัสเจ้าหน้าที่ฝึกหัดที่ติดเชื้อจึงมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากโรคติดต่อซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นไวรัสสายพันธุ์พิเศษที่ส่งผลต่อระบบสมอง

ผลการตรวจร่างกายของผู้ต้องหาซองอูเจไม่พบว่ามีสารเสพติด คิมจองกุกจึงคิดว่าซองอูเจคงเป็นโรคติดต่อจริงๆ อย่างที่ฮันแทซอกบอกไว้ อีฮยอนกลับไปหายาในห้องที่เกิดเหตุและนำไปให้อิลโฮตรวจสอบจึงรู้ว่ามันเป็นยารักษาอาการปอดอักเสบผ่านช่องปาก ซึ่งผลิตพร้อมกับยาต้านไวรัสที่มีการวิจัยในช่วงโควิด 19 ทำให้เกิดอาการข้างเคียงประสาทหลอน เสพติด อารมณ์แปรปรวนและมีสมาธิมากขึ้น แต่ในยาชนิดนี้ไม่มีสารเสพติดเพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย

แซบมยังต้องถูกกักตัวที่หอพักในมหาวิทยาลัยวอนจุงจนกว่าจะรู้ผลการตรวจเชื้อ พันโทฮันแทซอกใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นเขตลับทางทหารเพื่อทำงานวิจัย แซบมบอกฮันแทซอกว่าอีจงแทมีอาการไม่ปกติซึ่งดวงตาทั้งสองข้างเป็นสีขุ่นเหมือนคนเป็นต้อกระจกและมีท่าทางเหมือนสัตว์ร้ายที่พยายามจะเข้ามากัดเธอ และเขาก็ยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าโดนยิง ในคืนนั้นแซบมได้ยินเสียงแปลกๆ จึงมองออกไปนอกหน้าต่างและรู้ว่ามีคนจำนวนมากถูกกักตัวอยู่ที่นี่เหมือนกับเธอและมีอาการคุ้มคลั่งเหมือนกับอีจงแท

ฮันแทซอกแปลกใจที่แซบมไม่ได้รับการติดเชื้อจึงอ่านประวัติของเธอและคิดอะไรบางอย่าง เช้าวันต่อมาแซบมถูกนำตัวออกจากห้องเพื่อไปตรวจเชื้ออีกรอบ ระหว่างทางเธอพบอีจงแทที่ถูกควบคุมอยู่ในห้องข้างๆ เธอจึงแวะเข้าไปหาเพื่อถามอะไรบางอย่าง แต่อาการของจงแทกำเริบอีกครั้งและบ่นว่าหิวน้ำ เขาพยายามจะทำร้ายเธอแต่เจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ได้ทัน

แซบมรู้ดีว่าฮันแทซอกกำลังมองเหตุการณ์นี้จากกล้องวงจรปิด ซึ่งต่อมาเขาบอกเธอว่าต้องการดูอาการของจงแทว่าจะหิวน้ำตอนไหน เพราะเมื่อคนติดเชื้อจะมีอาการเสียสติและเริ่มกัดคนอื่น จึงเริ่มรู้สึกกระหายไม่มีวันพอและน้ำก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถึงจะกลับมาเป็นคนเดิมแล้วแต่พวกเขาก็จะรู้สึกกระหายน้ำและเสียสติซ้ำๆ และอุณหภูมิที่ต่ำอาจทำให้อัตราการแพร่กระจายช้าลง จากนั้นฮันแทซอกจึงบอกแซบมว่าผลการตรวจของเธอเป็นลบซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเธอมีสารภูมิต้านทาน เขาอนุญาตให้เธอกลับไปได้และต้องมาเจาะเลือดทุกๆสองสัปดาห์ แซบมขอให้ฮันแทซอกช่วยเหลือเธอเรื่องการประเมินผลในฐานะเจ้าหน้าที่รับใช้ชาติ เพราะเธออยากได้อพาร์ตเมนต์ให้เช่าของเซยัง ซึ่งฮันแทซอกรับปากว่าจะช่วย

อีฮยอนนำยาที่พบมาให้ฮันแทซอกและบอกว่ามันคือยารักษาอาการปอดล้มเหลวที่มีคนกินไปแล้วจำนวนไม่น้อย ซึ่งแปลว่าผู้ต้องหาหรือผู้ติดเชื้อไม่ได้เป็นบ้าเพราะยา แทซอกจึงบอกว่าแค่เพราะเมื่อวานยังดีอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าวันนี้จะดีไปด้วย

เมื่ออีฮยอนเดินออกมาจากห้องของแทซอก แซบมจึงคิดได้ว่าเขาอยู่ใกล้ตัวเธอมาตลอด จึงเอ่ยปากขอเขาแต่งงานเพราะอยากมีคู่สมรสเพื่อจะได้อพาร์ตเมนต์ที่เธอต้องการ