สปอยล์ The First Responders ตอนที่ 12
ใครบางคนแอบมองบงโดจินอยู่ด้านนอกขณะที่เขากำลังซื้อแหวนแต่งงาน ส.ส.มาจุงโดก็เสียชีวิตกะทันหันก่อนการเลือกตั้งที่จะมาถึง มาแทฮวาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นเวลาห้าวันเพื่อมาร่วมงานศพของพ่อ ทนายยังชียองเริ่มเครียดเพราะส.ส.มาจุงโดคือขุมทรัพย์ใหญ่ของเขา ทันใดนั้นเองเขาก็ได้รับเงินโอนบิตคอยล์จากมาแทฮวาเป็นมูลค่ามาหาศาล มาแทฮวาพบโฮแกที่มาเคารพศพ ทนายยังบอกมาแทฮวาว่าโฮแกลาออกจากตำรวจแล้ว มาแทฮวามีเรื่องต้องจัดการหลายอย่างก่อนที่จะบินหนีไปอยู่ไมอามี่
บงโดจินสังเกตเห็นเปลวไฟรูปดาวในเหตุเพลิงไหม้สามที่ซึ่งเกิดขึ้นทุกสามชั่วโมงในวันเดียวกัน แต่กล้องติดตัวของเขาเสียหายจึงไม่อาจตรวจสอบได้ เขาเชื่อว่าเป็นการวางเพลิงซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์แล้วแต่ไม่พบหลักฐานใดๆ และสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ ซงซอลคิดว่าหากเป็นจริงอย่างที่บงโดจินคิดเอาไว้ มันก็จะเกิดเหตุอีกครั้งเวลาหนึ่งทุ่ม แต่ทว่ามันไม่ใช่เหตุเพลิงไหม้แต่เป็นแมจรจัดตายเท่านั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสรุปปิดคดีนี้ บงโดจินจึงขอหลักฐานทั้งหมดเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างและขอความช่วยเหลือจากหมอยุน ไม่มีใครเสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้นอกจากผู้ป่วยที่สูดควันไฟเข้าไป
หัวหน้าด็อกโกซุนเป็นห่วงบงโดจินที่เห็นเขามีอคติกับนักวางเพลิงมากเกินไป เขาจึงเล่าประสบการณ์ในวัยเด็กให้ฟังว่าไม่สามารถช่วยเพื่อนขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ไว้ได้ จนทำให้เพื่อนคนนั้นมีรอยแผลเป็นไปทั้งชีวิต เขาจึงสัญญากับตัวเองว่าจะไม่หนีอีกต่อไปและจะอยู่ผจญเพลิงทุกครั้ง หัวหน้าด็อกโกซุนขอให้บงโดจินเห็นคล้อยตามกับการสรุปของตำรวจในเหตุเพลิงไหม้ครั้งล่าสุด
บงโดจินขอความช่วยเหลือจากโฮแกโดยนำไฟล์รายงานเหตุเพลิงไหม้ไปให้ เพราะเขาคิดว่ามุมมองของตำรวจและนักดับเพลิงไม่เหมือนกัน ในรายงานนั้นมีการลงบันทึกแมวตายไว้ด้วยในเวลาหนึ่งทุ่มซึ่งถูกฝังไว้หน้าบ้าน โฮแกจึงไปขุดศพแมวเพื่อนำไปให้หมอยุนชันสูตรและพบว่ามันกินขนมปังที่มีสารโทลูอีนก่อนที่จะตาย สารโทลูอีนมีคุณสมบัติไวไฟแม้แต่ประกายไฟเล็กๆ นอกจากนั้นผลตัวอย่างเลือดจากคนไข้ที่สูดควันไฟเข้าไปในที่เกิดเหตุทั้งสามแห่งยังพบว่ามีสารโทลูอีนปะปนอยู่ด้วย ซึ่งอาจเป็นได้ว่าเป็นการวางเพลิง
โฮแกและหมอยุนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุซึ่งบางครั้งแมวจรจัดก็มักจะมานอนที่นี่ พวกเขาพบขนมปังและสารโทลูอีนโดยคนวางเพลิงใช้กระดาษทิชชูเป็นตัวจุดประกายไฟ บงโดจินเห็นรูปดาวบนผนังซึ่งเชื่อว่าเป็นการวางเพลิงครั้งที่สี่ ซึ่งโฮแกบอกว่าจะมีนักดับเพลิงที่เข้าไปในที่เกิดเหตุคนแรกนั้นที่จะมองเห็น เขาจึงสงสัยว่าบงโดจินมีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า
โฮแกกลับไปที่คอนโดอีกครั้งเพื่อเอาบัตรประจำตัวก่อนที่จะไล่ล่าคนวางเพลิงต่อเนื่อง เขาพบซงซอลที่นั่งอยู่ตรงนั้นและคืนบัตรให้กับเขา เธอขอบคุณที่เขากลับมา โฮแกจึงบอกเธอว่าเขาดีใจที่มีเธออยู่เคียงข้างในตอนที่หัวใจของเขาหยุดเต้น บงโดจินและหมอยุนนั่งอยู่ในที่เกิดเหตุที่รถฟู้ดทรัคเกิดไฟไหม้จากกระทะน้ำมันในเวลาบ่ายโมง ขณะที่อันนาและโฮแกช่วยกันตรวจสอบข้อมูลและพบคนที่น่าสงสัยคือโจอิลจุน อายุ49 ปี ผู้อำนวยการบริษัทก่อสร้างมาดงที่รับผิดชอบโครงการพัฒนาใหม่
เมื่อถึงเวลาบ่ายโมง บงโดจินจึงวัดอุณหภูมิที่หมวกกันน็อกและพบว่าสูงกว่าอุณหภูมิปกติ ซึ่งคนร้ายอาจจะใช้แสงอาทิตย์สะท้อนกับวัตถุบางอย่างเพื่อให้เกิดประกายไฟ จากนั้นคนร้ายก็ใช้เวลาทุกสามชั่วโมงเพื่อก่อเหตุที่อื่นตามแสงหักเหของดวงอาทิตย์ โฮแกและมยองพิลไปตามหาโจอิลจุนที่ชั้นสามของตึกสำนักงานสตาร์เซ็นทรัลที่มีรูปดาวเป็นสัญลักษณ์ซึ่งรถฟู้ดทรัคจอดอยู่บริเวณนั้นในวันเกิดเหตุ พวกเขาไม่พบโจอิลจุนที่หนีไปแล้ว นอกจากกระจกโค้งขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มแสงอาทิตย์เต็มที่ให้น้ำมันร้อน พวกเขาจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
โฮแกยังคงตามล่าโจอิลจุนต่อไป บงโดจินออกตรวจตามปกติโดยมีซงซอลไปด้วย เขากำลังจะสารภาพบางอย่างกับเธอแต่ก็เกิดเหตุฉุกเฉินอีกเช่นเคย บงโดจินจึงบอกว่าวันพรุ่งนี้จะบอกความในใจกับเธอ เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่อาคารจอดรถคัลแมซึ่งอันนาพบสัญญาณมือถือของโจอิลจุนแต่ตำแหน่งอยู่ที่สถานีฐาน โฮแกและบงโดจินไต่ลงไปยังอาคารจอดรถขณะที่ไฟกำลังลุกโหมและเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้ง สีหน้าของซงซอลเริ่มกังวลและเป็นห่วงโฮแกชายคนที่เธอมีใจให้กับบงโดจินที่กำลังจะบอกบางอย่างกับเธอ