สปอยล์ Blind ตอนที่ 4
ในคืนเกิดเหตุฆาตกรรมยอมฮเยจิน อันแทโฮและโชเฟอร์แท็กซี่ชเวซุนกิลคือสองคนในคณะลูกขุนที่ไม่สามารถยืนยันที่อยู่ได้ ชเวซุนกิลเคยอยู่หน่วยรบพิเศษช่วงเวลาเดียวกับแบคมุนกัง ซองจุนไปพบแบคมุนกังที่บ้านและเห็นภรรยาของเขากลายเป็นคนเสียสติหลังจากที่สูญเสียลูกสาวไป เธอยังคงหมกมุ่นอยู่กับการจัดงานวันเกิดของลูกซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอทำให้ แบคมุนกังและชเวซุนกิลมีรอยสักรูปแมงมุมที่แขนเช่นเดียวกันเพราะชเวซุนกิลเคยทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทที่แบคมุนกังเป็นเจ้าของ แบคมุนกังบอกเพียงว่าชเวซุนกิลเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงจนกระทั่งภรรยาของเขาหนีไป สามวันก่อนหน้านี้ชเวซุนกิลบอกกับมุนกังว่าพบเด็กที่คิดว่าหนีรอดมาได้เมื่อยี่สิบปีก่อนแต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นใคร
กลุ่มคณะลูกขุนไปงานศพฮเยจิน โจอึนกีสังเกตพฤติกรรมที่น่าสงสัยของชเวซุนกิล เธอเดินตามเขาไปที่หน้าห้องน้ำซึ่งเขากำลังสอบถามพี่เลี้ยงหนูน้อยมินโฮถึงผู้หญิงคนหนึ่งในรูปถ่าย แต่เธอไม่รู้จัก
ผู้กำกับยอมกีนัมพ่อของฮเยจิน บังเอิญเห็นสร้อยคอของซองจุน ทำให้เขาเริ่มสงสัยว่าซองจุนคือจองยูแจเมื่อยี่สิบปีก่อน ผู้กำกับยอมได้รับคลิปขณะที่ฮเยจินถูกทรมานก่อนจะโดนฆาตกรรม ต่อมาผู้กำกับยอมให้ลูกน้องคนสนิทอย่างสายสืบคังชางอุคสืบเรื่องสร้อยคอของซองจุน จึงรู้ว่ามันเป็นของจองยุนจองซึ่งเป็นพี่สาวของจองยุนแจที่ถูกผู้กำกับยอมล่วงละเมิดทางเพศเมื่อยี่สิบปีก่อนและตายไปแล้ว จากนั้นผู้กำกับยอมจึงรีบโทรบอกแบคมุนกังว่าซองจุนคือจองยุนแจที่พวกเขากำลังตามหา
จองมันชอนขอพบซองจุนที่ดาดฟ้าของโรงพยาบาลเพื่อขอความช่วยเหลือลูกชายวัยเจ็ดปีของเขาที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัดสมอง จองมันชอนบอกความลับว่าแบคมุนกังมีคลิปเสียงบันทึกโทรศัพท์แต่ต้นฉบับอยู่ที่เขา หลังจากนั้นร่างของจองมันชนก็ตกลงมาขณะที่ซองฮุนกำลังเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ซองฮุนต้องการไปบอกจองมันชอนเพื่อขออุทธรณ์ให้พิจารณาคดีใหม่ ซองฮุนเชื่อว่าจองมันชอนไม่ใช่ฆาตกร
ไม่มีใครติดต่อซองจุนได้เพราะเขาหายตัวไป สายสืบคังแกะรอยโทรศัพท์และตามซองจุนไปที่โมเต็ลแห่งหนึ่งซึ่งภรรยาของจองมันชอนเพิ่งถูกฆ่าตาย เหตุการณ์และหลักฐานทุกอย่างทำให้ทุกคนเชื่อว่าซองจุนคือคนร้าย จากนั้นเขาก็ถูกประกาศจับ
ซองจุนถูกกลุ่มของแบคมุนกังจับตัวไป แต่เขาพยายามต่อสู้และหนีมาได้ ซองจุนไม่ยอมให้ตัวเองถูก “ไอ้หมาบ้า” จับตัวได้อีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจกระโดดหน้าผาและหมดสติไป