สปอยล์ Beyound Evil ตอนที่ 2
ทั้งสารวัตรจูวอนและอีดงชิกต่างก็สงสัยกันและกัน จึงต่างสืบหาประวัติของอีกฝ่าย ซากนิ้วมือที่สวมแหวนซึ่งดงชิกและสารวัตรจูวอนพบนั้น เป็นสถานที่เกิดเหตุเดียวกันกับคดีฆาตกรรมเมื่อยี่สิบปีก่อน ในตอนนั้นดงชิกถูกจับในฐานะผู้ต้องสงสัยในคดีของอียูยอนน้องสาวฝาแฝดของเขาเอง
คังจินมุกเป็นเจ้าของซุปเปอร์มาร์เก็ตมันยางเขา มีลูกสาวหนึ่งคนชื่อว่าคังมินจอง จินมุกเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวและจิตใจอ่อนไหว พ่อแม่ของดงชิกเคยมีบุญคุณกับจินมุกและเปิดร้านค้าให้เขา ดงชิกก็ช่วยดูแลมินจองเหมือนลูกสาว จินมุกจะปิดร้านอาทิตย์ละครั้งเพื่อมาดูแลแม่ของดงชิกที่ป่วยติดเตียง
สส.หญิงโทแฮวอน ไม่พอใจเมื่อรู้ว่ามีการพบศพในเขตมุนจู เพราะเธอกำลังจะลงเลือกตั้งสมัยหน้าด้วยนโยบายเดิมที่ว่า มุนจูคือเมืองปลอดอาชญากรรม เมื่อถามพัคจองเจลูกชายของเธอ จึงรู้ว่าตำรวจยังไม่สามารถระบุตัวตนของเหยื่อได้เนื่องจากสภาพศพไม่เหลือรอยนิ้วมือ จึงต้องใช้เวลาสักระยะ
หลักฐานที่ขุดพบข้างๆ ศพคือรองเท้าแบรนด์เนม ซึ่งถูกทำความสะอาดอย่างดีก่อนจะใส่ลงในถุงและผูกด้วยโบว์สีชมพู
เมื่อสารวัตรจูวอนเห็นการปฏิบัติหน้าที่ของดงชิกขณะที่ออกลาดตระเวนด้วยกันตอนที่ฝนกำลังตกหนัก พวกเขาพบเด็กวัยรุ่นที่สติไม่สมประกอบนั่งอยู่ข้างทาง ดงชิกถอดรองเท้าของตนเองสวมให้กับเด็กคนนั้น และพูดจาปลอบประโลมเพื่อคลายความหวาดกลัว สารวัตรจูวอนอาสาวิ่งไปที่ร้านค้าเพื่อซื้อเสื้อกันฝนและถุงร้อน เมื่อมองมาและเห็นดงชิกกางร่มให้เด็กคนนั้นด้วยรอยยิ้ม จูวอนจึงเริ่มรู้สึกบางอย่าง ขณะที่ดงชิกก็รู้สึกถึงความมีน้ำใจของจูวอน
แม้ตำรวจยังไม่สามารถระบุตัวตนของศพ แต่โอจีฮวาและดงชิกเชื่อว่าไม่ใช่อียูยอน สารวัตรจูวอนรู้อยู่แก่ใจว่าศพนี้คืออีกึมฮวา หมอนวดที่เขาเคยใช้เป็นเหยื่อล่อคนร้าย เพราะเขาจำแหวนของเธอได้ แต่จู่ๆ เธอก็หายตัวไปจนกระทั่งพบศพ ฮันกีฮวานจึงสั่งลูกชายว่าให้รีบปิดคดีนี้ไปโดยเร็ว โดยสรุปว่าเป็นคดีอาชญากรรมเลียนแบบเมื่อยี่สิบปีก่อน และเป็นคดีที่ยังไขไม่ได้ ฮันกีฮวานกลัวว่าหากมีคนรู้ตัวตนของเหยื่อ ก็จะต้องมีคนรู้ว่าเหยื่อเคยติดต่อกับใคร และเมื่อนั้นทั้งเขาและจูวอนก็จะต้องเดือดร้อน เขายังกำชับลูกชายให้ทำตัวดีๆ และอยู่เฉยๆ ขณะที่ยังทำงานอยู่ที่สถานีย่อยมันยาง
เมื่อดูแฟ้มคดีของอียูยอน สารวัตรจูวอนจึงรู้ว่าเหยื่อรายแรกก็คือบังจูซอน แต่ทั้งสองแฟ้มเหลือเพียงหน้าแรกเท่านั้น เขาจึงตำหนิพัคจองเจที่ไม่ตรวจเช็กเอกสาร แต่พัคจองเจอ้างว่าเป็นคดีเก่ายี่สิบปีที่ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ กอปรกับปัจจุบันมีคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่อีกมากมาย จูวอนถูกผู้กำกับนัมซังแบตำหนิที่เข้าไปรื้อเอกสาร แต่คนที่บอกผู้กำกับไม่ใช่พัคจองเจหรืออีดงชิก แต่เป็นใครสักคนที่เฝ้ามองทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา
จูวอนถามถึงคดีบังจูซอนที่ในตอนนั้นผู้กำกับนัมเป็นสายสืบที่รับผิดชอบคดี จูวอนคิดว่านัมซังแบช่วยเหลือดงชิก จนกระทั่งผู้กำกับนัมเล่าให้ฟังว่าอีดงชิกเหมือนคนบ้าที่ทำงานหนักเพื่อลดความเศร้าของตัวเอง หลังจากที่อียูยอนหายตัวไป พ่อของเขาก็ออกไปรอเธอทุกวันเพราะเชื่อว่ายูยอนจะต้องกลับมา จนกระทั่งพ่อของเขาหนาวตายในวันหิมะตกหนัก หลังจากสูญเสียทั้งพ่อและน้อง แม่ของดงชิกก็เสียสติ ผู้กำกับนัมขอร้องให้สารวัตรจูวอนอยู่เฉยๆ และเลิกขุดคุ้ยคดีนี้จะดีกว่า
อีดงชิกสืบข้อมูลจากเพื่อนของเขาจึงรู้ว่า สารวัตรจูวอนเคยทำงานที่กองการต่างประเทศ ซึ่งตรวจจับพวกอพยพที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องซึ่งเหยื่อเป็นผู้หญิงจำนวนหลายราย ต่อมาฮันกีฮวานบอกลูกชายว่าอีดงชิกแอบสืบประวัติของเขา
คังมินจองลูกสาวของคังจินมุก แอบหนีเที่ยวคลับและไม่กลับบ้าน ดงชิกจึงไปตามหาและพบว่าเธอเมาไม่ได้สติ จากนั้นเขาก็พามานอนพักที่สถานีเพื่อให้เธอสร่างเมา เจ้าหน้าที่ทุกคนที่สถานีมันยางต่างก็เอ็นดูมินจองที่เปรียบเสมือนลูกสาวของดงชิก วันต่อมาขณะที่มินจองกำลังกลับบ้าน ดงชิกโทรมาบอกว่าเธอลืมกุญแจบ้านไว้ที่สถานี ระหว่างที่คุยโทรศัพท์อยู่นั้น มินจองพบใครบางคนที่คุ้นเคย เธอจึงยิ้มให้เขาและหายตัวไปทั้งคืนโดยที่ไม่มีใครรู้
หลังจากกินอาหารที่ร้านเนื้อของยูแจอีแล้ว พัคจองเจตั้งใจจะไปนอนค้างที่บ้านดงชิก จองเจบอกดงชิกว่าสารวัตรจูวอนเป็นคนพบว่าแฟ้มคดีของยูยอนและบังจูซอนหายไป แต่ดงชิกยืนกรานกับจองเจว่าเขาไม่ได้เป็นคนเอาไป เนื่องจากอากาศเย็นเกินไปและไม่มีเครื่องทำความร้อน จองเจจึงขอตัวกลับ
เมื่อจองเจกลับไปแล้ว ดงชิกลงไปที่ห้องใต้ดินเพื่อดูเอกสารคดีที่เขาติดไว้บนผนัง เช้าวันต่อมาดงชิกพบสารวัตรจูวอนจอดรถบริเวณบ้านของเขา เขาจึงอาสาพาชมละแวกนั้น เมื่อเดินไปถึงหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต พวกเขาพบนิ้วมือของคังมินจองวางเรียงอยู่ด้านหน้าร้าน อีดงชิกร้องไห้ออกมาประหนึ่งว่าจะขาดใจ